สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (12 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนลดการถือครองสัญญาทองคำหลังจากสกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ขณะที่สัญญาโลหะทองแดงดิ่งลงหลังจากจีนเปิดเผยยอดนำเข้าผลิตภัณฑ์ทองแดงที่ลดลงอย่างหนัก
สัญญาทองคำ COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ร่วงลง 11.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,198.70 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,196.10 - 1,213.50 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 15.60 เซนต์ ปิดที่ 17.917 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 4.45 เซนต์ ปิดที่ 3.009 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินัมเดือนต.ค.ร่วงลง 17.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,515.30 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ดิ่งลง 2.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 454.15 ดอลลาร์/ออนซ์
เทรดเดอร์กล่าวว่า ปัจจัยหลักที่ฉุดสัญญาทองคำร่วงลงมาจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น ซึ่งทำให้ความต้องการถือครองทองคำลดน้อยลงไปด้วย นอกจากนี้ นักลงทุนส่วนใหญ่มีท่าทีระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่บริษัทหลายแห่งจะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้ รวมถึงเจพีมอร์แกน เชสแอนด์โค, แบงค์ ออฟ อเมริกา, เจนเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี) และอินเทล คอร์ป
ส่วนสัญญาทองแดงถูกเทขายอย่างหนัก หลังจากสำนักงานศุลกากรจีนเปิดเผยว่า ยอดนำเข้าทองแดง โลหะผสมทองแดง และผลิตภัณฑ์ทองแดงกึ่งสำเร็จรูปในเดือนมิ.ย.ลดลง 17% มาอยู่ที่ระดับ 328,231 ตัน จากระดับ 396,712 ตันในเดือนพ.ค.
กองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุดในโลก ได้ถือครองทองแท่งที่ระดับ 1,314.515 ตันในช่วงเวลาที่สิ้นสุด ณ วันที่ 9 ก.ค. ลดลง 1.521 ตันจากวันที่ 8 ก.ค.