สำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดว่า ความต้องการใช้น้ำมันดิบทั่วโลกในปีหน้าจะเพิ่มขึ้น 1.6% หรือ 1.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน มาอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 87.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน เนื่องจากเศรษฐกิจในประเทศกำลังพัฒนาขยายตัวขึ้น ซึ่งการคาดการณ์ของ IEA ในครั้งนี้ถือเป็นการคาดการณ์ครั้งแรกสำหรับความต้องการน้ำมันในปีหน้า ขณะที่ได้คงคาดการณ์ความต้องการน้ำมันทั่วโลกในปีนี้ไว้ที่ 86.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน
อย่างไรก็ตาม IEA ระบุว่า อัตราการขยายตัวของดีมานด์ในปีหน้า จะชะลอตัวลงกว่าปีนี้ 2.1% เนื่องจากค่าความสิ้นเปลืองพลังงาน (fuel efficiency) ที่เพิ่มสูงขึ้นในบรรดาประเทศอุตสาหกรรมของกลุ่มองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) รวมทั้งการลดการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบค่อยเป็นค่อยไปในบรรดาประเทศที่อยู่นอกกลุ่ม OECD
IEA กล่าวว่า จีนซึ่งเป็นประเทศผู้ใช้น้ำมันรายใหญ่อันดับ 2 ของโลกนั้น จะคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 30% ของการขยายตัวของดีมานด์ปีหน้า ซึ่งลดลงจากระดับ 50% ในปีนี้ เนื่องจากรัฐบาลจีนเริ่มลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ ราคาน้ำมัน NYMEX เคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับประมาณ 75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในการซื้อขายล่าสุด ซึ่งอ่อนตัวลงมาแล้ว 6% ในปีนี้ หลังจากที่สัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเริ่มไม่แน่นอน
IEA ระบุว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) อาจจะต้องจัดหาน้ำมันดิบป้อนตลาดโลกเพิ่มมากขึ้นในปีหน้า เนื่องจากการขยายตัวของอุปทานในประเทศที่อยู่นอกกลุ่มโอเปคชะลอตัวลง โดยโอเปคซึ่งมีผลผลิตน้ำมันคิดเป็นสัดส่วน 40% ของผลผลิตทั่วโลกนั้น จะต้องจัดหาน้ำมันเฉลี่ย 29.2 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีหน้า หรือมากกว่าปีนี้ 4 แสนบาร์เรลต่อวัน
สำหรับกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปคนั้น IEA คาดว่าจะช่วยเพิ่มอุปทานน้ำมันอีก 4 แสนบาร์เรลต่อวัน เป็น 52.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือประมาณครึ่งหนึ่งของอัตราการขยายตัวในปีนี้ โดยอุปทานที่เพิ่มขึ้นจะมาจากประเทศบราซิล อาเซอร์ไบจัน โคลัมเบีย กาน่า และโอมาน ส่วนอุปทานในทะเลเหนือจะลดลง