ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (13 ก.ค.) หลังจากมีรายงานว่าการประมูลตั๋วเงินคลังของรัฐบาลกรีซผ่านไปอย่างราบรื่นและสามารถระดมทุนได้ถึง 1.625 พันล้านยูโร ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้ยุโรป ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยยอดขาดดุลการค้าที่พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 18 เดือน และค่าเงินปอนด์ทะยานขึ้นเนื่องจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางอังกฤษอาจปรับขึ้นดอกเบี้ย หลังจากตัวเลขเงินเฟ้อในประเทศพุ่งขึ้นมากกว่าเป้าหมายของธนาคารกลาง
ค่าเงินยุโรพุ่งขึ้น 0.97% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.2711 ดอลลาร์ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.2589 ดอลลาร์ และค่าเงินปอนด์พุ่งขึ้น 0.96% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.5165 ดอลลาร์ จากระดับ 1.5021 ดอลลาร์
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.20% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 88.440 เยน จากระดับของวันจันทร์ที่ 88.620 เยน และดิ่งลง 0.56% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 1.0547 ฟรังค์ จากระดับ 1.0606 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.61% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ 0.8809 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันจันทร์ที่ 0.8756 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 1.07% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ 0.7190 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7114 ดอลลาร์สหรัฐ
ยูโรพุ่งขึ้นเนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรป หลังจากมีรายงานว่า รัฐบาลกรีซประสบความสำเร็จในการนำตั๋วเงินคลังอายุ 6 เดือนออกประมูล ซึ่งทำให้รัฐบาลสามารถระดมทุนได้สูงถึง 1.625 พันล้านยูโร หรือ 2.03 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ความสำเร็จในการประมูลตั๋วเงินคลังของรัฐบาลกรีซช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลจากข่าวที่ว่า มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของโปรตุเกสลง 2 ขั้น สู่ระดับ A1 โดยมูดี้ส์ระบุว่า การลดอันดับความน่าเชื่อถือของโปรตุเกสในครั้งนี้เป็นผลมาจากสถานะทางการเงินของโปรตุเกสมีแนวโน้มอ่อนแอลงในระยะกลาง ซึ่งในเบื้องต้นนั้น ข่าวดังกล่าวได้สร้างแรงกดดันอย่างมากในตลาด
ค่าเงินปอนด์ได้แรงหนุนจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางอังกฤษอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดเงินเฟ้อ ขยายตัวที่ระดับ 3.2% ในเดือนมิ.ย. สูงกว่าที่ธนาคารกลางตั้งเป้าไว้ที่ 2% หลังจากที่ราคาสินค้าต่างๆสูงขึ้นตั้งแต่น้ำมันเชื้อเพลิงไปจนถึงราคาอาหาร
ส่วนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงอย่างหนักเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดขาดดุลการค้าเดือนพ.ค.พุ่งขึ้น 4.8% สู่ระดับสูงสุดในรอบ 18 เดือนที่ 4.23 หมื่นล้านดอลลาร์ เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้กระตุ้นดีมานด์การนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น รวมถึงรถยนต์ คอมพิวเตอร์ และเสื้อผ้า โดยสหรัฐขาดดุลการค้ากับสหภาพยุโรป (อียู) เพิ่มขึ้น 7.5% แตะที่ 6.2 พันล้านดอลลาร์ และขาดดุลการค้ากับจีนเพิ่มขึ้น 15.4% สู่ระดับ 2.23 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.ปีที่แล้ว
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย.และตัวเลขสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนพ.ค. ข้อมูลการผลิตในภาคอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนมิ.ย. ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมิ.ย. และดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมิ.ย.