ผลการสำรวจซึ่งจัดทำโดยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) บ่งชี้ว่า นักลงทุนในสหรัฐมีความต้องการเงินทุนที่จะใช้ในการซื้อหลักทรัพย์ประเภทต่างๆมากขึ้น ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่าภาวะโดยทั่วไปในตลาดสินเชื่อของสหรัฐเริ่มฟื้นตัวขึ้น
เฟดระบุว่า ในช่วงเดือนมี.ค. - พ.ค.ปีนี้ นักลงทุนกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินเพื่อเข้าซื้อตราสารหนี้ชั้นดี หุ้น ตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยรองรับ (MBS) ของแฟนนี เม และเฟดดี แมค ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่จัดหาสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยภายใต้การสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐ (GSE)
นอกจากนี้ ผลการสำรวจของเฟดระบุว่า บริษัทโบรกเกอร์รายใหญ่ได้ผ่อนปรนเงื่อนไขด้านสินเชื่อให้กับลูกค้ารายใหญ่ อาทิ กลุ่มเฮดจ์ฟันด์ ไพรเวท อิควิตี้ บริษัทประกัน และนักลงทุนสถาบันรายใหญ่
ในช่วงที่เกิดวิกฤตการณ์การเงินครั้งใหญ่ในปี 2551 ทำให้นักลงทุนตกอยู่ในภาวะตื่นตระหนกและลดอัตราการกู้ยืมลงอย่างมาก ส่งผลให้ปริมาณสินเชื่อหมุนเวียนในภาคธุรกิจและผู้บริโภคชะลอตัวลง และฉุดรั้งเศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอยรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ทศวรรษที่ 1930
อย่างไรก็ตาม นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟดกล่าวว่า การปล่อยเงินกู้ให้กับธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางยังคงอยู่ในระดับต่ำ พร้อมกับเรียกร้องให้ธนาคารพาณิชย์เพิ่มปริมาณการปล่อยเงินกู้ให้กับธุรกิจขนาดเล็กภายในประเทศ โดยระบุว่าการเปิดทางให้ธุรกิจประเภทดังกล่าวเข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้ง่ายขึ้น จะช่วยกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและจะช่วยลดอัตราว่างงานลงด้วย