ก.เกษตรฯไฟเขียวเกษตรกรเริ่มทำนาปีได้ตั้งแต่ปลายเดือน ก.ค.นี้

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday July 14, 2010 14:06 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากการประสานข้อมูลระหว่างหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง และจากการหารือผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงเกษตรฯ เอง มีความเห็นร่วมกันว่าระยะเวลาที่เหมาะสมสำหรับเกษตรกรผู้ทำนาในพื้นที่ส่งน้ำของโครงการชลประทานที่รับน้ำจากเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ในภาคเหนือตอนล่างและในเขตโครงการชลประทานเจ้าพระยาใหญ่ที่เกษตรกรจะสามารถเริ่มทำนาปีได้ ควรเริ่มตั้งแต่ปลายเดือนกรกฏาคมนี้เป็นต้นไป

ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรฯ จะได้ออกประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์อย่างเป็นทางการต่อไป พร้อมทั้งได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้คำแนะนำ ประสานงาน และติดตามดูแลเกษตรกรผู้ทำนาในระดับพื้นที่อย่างใกล้ชิดอีกทางหนึ่งด้วย

ก่อนหน้านี้ กระทรวงเกษตรฯ ได้ออกประกาศขอให้เกษตรกรเลื่อนการทำนาปี ในเขตโครงการชลประทานทุกโครงการที่รับน้ำจากเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ ในภาคเหนือตอนล่างและในเขตโครงการชลประทานเจ้าพระยาใหญ่ออกไปจนถึงประมาณกลางเดือนกรกฎาคม 2553 หรือจนกว่าจะเริ่มมีฝนตกชุกและมีปริมาณน้ำเพียงพอต่อการเพาะปลูก ซึ่งขณะนี้จากการติดตาม และประเมินสถานการณ์น้ำ โดยกรมชลประทานที่ได้ประสานข้อมูลร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยาซึ่งคาดการณ์ว่าในเดือนกรกฎาคมนี้ ปริมาณน้ำที่จะไหลลงเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์จะมีไม่มากทำให้ปริมาณน้ำใช้การในเขื่อนทั้งสองแห่งมีน้อยไม่เพียงพอที่จะสนับสนุนการปลูกข้าวนาปีในช่วงนี้ และกรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่ามีโอกาสที่ฝนจะทิ้งช่วงในเดือนกรกฎาคมและจะมีฝนเพิ่มมากขึ้นตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นไป

สำหรับสภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ ขณะนี้พบว่า ปริมาตรน้ำในอ่างฯ ทั้งหมดรวม 33,110 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 45 ของความจุอ่างฯขนาดใหญ่และขนาดกลางทั้งหมด (คิดเป็นปริมาตรน้ำใช้การได้ 9,265 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 13 ของความจุอ่างฯ) ขณะที่สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศมีปริมาตรน้ำในอ่างฯทั้งหมด 31,567 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 45ของความจุอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้งหมด (ปริมาตรน้ำใช้การได้ 8,040 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 12 ของความจุอ่างฯ )

โดยในวันนี้มีปริมาณน้ำไหลลงอ่างฯ จำนวน 45.7 ล้านลูกบาศก์เมตร ปริมาณน้ำระบายวันนี้ 64.8 ล้านลูกบาศก์เมตรสามารถรับน้ำได้อีก 38,028 ล้านลูกบาศก์เมตร สำหรับอ่างเก็บน้ำสำคัญ ๆ ได้แก่ อ่างเก็บน้ำภูมิพล ปัจจุบัน มีปริมาตรน้ำในอ่างฯ 4,064 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 30 ของความจุอ่างฯ คิดเป็นน้ำใช้การได้ 264 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 2 ของความจุอ่างฯ โดยมีน้ำไหลลงอ่างฯ 6.04 ล้านลูกบาศก์เมตร น้ำระบาย 8.00 ล้านลูกบาศก์เมตร อ่างเก็บน้ำสิริกิติ์

ปัจจุบัน มีปริมาตรน้ำในอ่าง ฯ 3,211 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 34 ของความจุอ่างฯ คิดเป็นน้ำใช้การได้ 361 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 4 มีปริมาณน้ำไหลลงอ่างฯ 5.97 ล้านลูกบาศก์เมตรน้ำระบาย 8.11 ล้านลูกบาศก์เมตร อ่างเก็บน้ำแควน้อยบำรุงแดน ปัจจุบัน มีปริมาตรน้ำในอ่าง ฯ 140 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 18 ของความจุอ่างฯ คิดเป็นน้ำใช้การได้104 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 14 น้ำไหลลงอ่างฯ 1.57 ล้านลูกบาศก์เมตร น้ำระบาย 0.43 ล้านลูกบาศก์เมตร อ่างเก็บน้ำป่าสักชลสิทธิ์ ปัจจุบัน มีปริมาตรน้ำในอ่าง ฯ 74 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 8 ของความจุอ่างฯ คิดเป็นน้ำใช้การได้ 71 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 7 น้อยกว่าปี 2552 จำนวน 239 ล้านลูกบาศก์เมตร


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ