(เพิ่มเติม) กนง.มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาร์/พี 0.25% เป็น 1.50%

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday July 14, 2010 15:11 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)วันนี้มีมติให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25%ต่อปี จาก 1.25% มาที่ 1.50% ต่อปี ตามที่ตลาดคาดการณ์ เนื่องจากประเมินว่าเศรษฐกิจไทยปี 53 ขยายตัวดีกว่าคาดการณ์เดิมที่ 4.3-5.8% แม้ว่าการเติบโตของเศรษฐกิจไตรมาสต่อไตรมาสจากนี้อาจจะชะลอลงบ้าง และครึ่งปีหลังอาจจะเติบโตไม่สูงเท่าครึ่งปีแรก แต่ทั้งปีก็ยังขยายตัวได้ดี พร้อมทั้งคาดว่า เงินเฟ้อพื้นฐานมีความเสี่ยงที่จะหลุดเป้าหมาย 0.5-3% ภายในปีนี้ด้วย

"คณะกรรมการเห็นว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจมีความชัดเจนขึ้น และคงจะสามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้ความจำเป็นในการพึ่งพานโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากเป็นพิเศษลดน้อยลง จึงควรเริ่มปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายให้เข้าสู่ระดับปกติ"เอกสารแถลงผลการประชุม กนง.ระบุ

นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธปท.กล่าวว่า กนง.เห็นว่าเศรษฐกิจโลกมีการฟื้นตัวต่อเนื่องในช่วงครึ่งแรกของปี และจะสามารถเติบโตได้ดีในปีนี้ อย่างไรก็ตาม ยังมีความเสี่ยงจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการคลังของหลายประเทศที่ทยอยสิ้นสุดลง และจากปัญหาหนี้สาธารณะและสถาบันการเงินในยุโรป สำหรับเศรษฐกิจเอเชียยังขยสายตัวได้อย่างเข้มแข็งและเริ่มเห็นสัญญาณแรงกดดันเงินเฟ้อในระยะต่อไป

ส่วนเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2/53 ได้รับผลกระทบจากการเมืองในวงจำกัด ภาคท่องเที่ยวมีสัญญาณว่าจะฟื้นตัวได้เร็ว ส่วนการบริโภคและการผลิตได้รัลผลกระทบเล็กน้อยและมีแนวโน้มจะขยายตัวต่อไปได้ในช่วงที่เหลือของปี ขณะที่การส่งออกและการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวต่อเนื่องมาโดยตลอด ทำให้เศรษฐกิจทั้งปีขยายตัวได้ดีกว่าที่ประมาณไว้เดิม

แม้แรงกดดันต่ออัตราเงินเฟ้อในขณะนี้ยังมีไม่มาก แต่คาดว่าในปีหน้าจะมีแนวโน้มสูงขึ้นตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ

นายไพบูลย์ กล่าวต่อว่า การพิจารณาดอกเบี้ยของ กนง.ดูทั้งจากปัจจัยภายในและเศรษฐกิจโลกด้วย ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะมีความไม่แน่นอนหากมองไปข้างหน้า ผู้ทำนโยบายต้องชั่งน้ำหนักบวกลบให้ดี แต่ถ้ามองระยะกลาง คงไม่มีปัญหา Double-Dip อีก แม้ครึ่งปีหลังเศรษฐกิจจะโตไม่เท่าครึ่งแรก เพราะแรงกระตุ้นของหลายประเทศหมดไป แต่ทั้งปีเศรษฐกิจโลกยังขยายตัวดี ซึ่งเศรษฐกิจไทยจะได้รับอานิสงส์ในครึ่งปีหลัง

ธปท.จะมีการปรับประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยใหม่ โดยจะแถลงในการเปิดเผยรายงานแนวโน้มเงินเฟ้อฉบับใหม่ในวันที่ 23 ก.ค.โดยมองว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2/53 รับผลกระทบจากการเมืองค่อนข้างจำกัด ขณะที่ท่องเที่ยวมีสัญญาณการฟื้นตัวเร็ว การบริโภคและการผลิตได้รับผลกระทบเล็กน้อย มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี ขณะที่การส่งออกก็ขยายตัวได้ดีมาก ทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้ดีกว่าที่ประมาณการเดิมเมื่อเดือน เม.ย.ที่ 4.3-5.8%

ในส่วนเงินเฟ้อขณะนี้ การเร่งตัวยังไม่มาก แต่ในปี 54 จะเร่งตัวสูงมากตามการเติบโตของเศรษฐกิจ ซึ่ง กนง.เห็นชัดเจนว่า เศรษฐกิจขยับตัวขึ้น ดังนั้นความจำเป็นในการพึ่งพานโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากๆ เป็นพิเศษลดน้อยลง

สำหรับผลกระทบของตลาด นายไพบูลย์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับการคาดการณ์ของตลาดว่า กนง.จะปรับดอกเบี้ยอาร์/พีต่อเนื่อง หรือมากน้อยขนาดไหน ซึ่งขณะนี้ตลาดรับรู้ไปแล้ว ขณะที่เศรษฐกิจในเอเชียปรับตัวสูงกว่า G3 ดังนั้น ไม่ว่าไทยจะขึ้นดอกเบี้ยหรือไม่ ก็จะมีแรงกดดันต่ออัตราแลกเปลี่ยนอยู่แล้ว ขณะเดียวกันไทยใช้อัตราแลกเปลี่ยนแบบยืดหยุ่น คงไม่มีปัญหาอะไร และปรับตัวได้อยู่แล้ว

"วัฏจักรดอกเบี้ยมันปรับเปลี่ยนแล้ว หมดยุคดอกเบี้ยต่ำแล้ว แม้ช่วงสั้นอัตราเงินเฟ้อจะไม่เร่งขึ้นมาจากมาตรการลดค่าครองชีพภาครัฐ ส่วนการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ขึ้นอยู่กับเงินฝาก สภาพคล่อง ซึ่งยากจะคาดเดาว่าแบงก์จะปรับดอกเบี้ยตามกนง.หรือไม่ แม้จะชัดเจนว่าหมดยุคดอกเบี้ยต่ำแล้ว ซึ่งการปรับขึ้นดอกเบี้ยควรปรับขึ้นทั้ง 2 ขา" นายไพบูลย์ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ