กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่สองติดต่อกันในเดือนมิถุนายน ซึ่งข้อมูลล่าสุดนี้ได้ส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ
กระทรวงฯเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือนที่แล้วลดลง 0.5% หลังจากที่ร่วงลง 1.1% ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งตัวเลขค้าปลีกในเดือนมิ.ย.นั้น ลดลงมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะขยับลง 0.2%
รายงานระบุว่า ปัจจัยที่ส่งผลให้ยอดค้าปลีกเดือนที่แล้วลดลงนั้น มาจากยอดขายยานยนต์และราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง โดยถ้าไม่รวมยอดขายรถที่ร่วงลง 2.3% ยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย.จะขยับลงเพียง 0.1% หลังจากที่ร่วงลงถึง 1.2% ในเดือนพ.ค.
ทั้งนี้ การที่ยอดค้าปลีกร่วงลงสองเดือนซ้อนทำให้เกิดความหวั่นเกรงว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐอาจไม่แข็งแกร่งและยั่งยืน เนื่องจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคถือเป็นองค์ประกอบสำคัญในการขับเคลื่อนการขยายตัวของเศรษฐกิจ เนื่องจากคิดเป็นสัดส่วนถึงประมาณ 70% ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั้งหมดของสหรัฐ