นายสาธิต รังคสิริ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2553 (ต.ค.52-มิ.ย.53) รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 1,240,065 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 246,177 ล้านบาท หรือ 24.8%
สาเหตุหลักมาจากการจัดเก็บภาษีของ 3 กรมในสังกัดกระทรวงการคลังที่สูงกว่าประมาณการในอัตราที่สูง ได้แก่ กรมสรรพสามิต กรมสรรพากร และกรมศุลกากร อันเนื่องมาจาก การขยายตัวของภาวะเศรษฐกิจเป็นไปอย่างต่อเนื่อง, มูลค่าการนำเข้าที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้, การปรับเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิต (น้ำมัน สุรา เบียร์ และยาสูบ) และการได้รับเงินจากการยึดทรัพย์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จำนวน 49,016 ล้านบาท ในเดือน เม.ย.53
“จากผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2553 ที่สูงกว่าเป้าหมายจำนวนมากและแนวโน้มการขยายตัวของภาวะเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ทำให้กระทรวงการคลังมั่นใจว่า การจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลในปีงบประมาณ 2553 นี้จะสูงกว่าประมาณการไม่ต่ำกว่า 2.8 แสนล้านบาทอย่างแน่นอน" นายสาธิต กล่าว
เฉพาะในเดือนมิ.ย.53 รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 1.1 แสนล้านบาท สูงกว่าเป้ากว่า 2.6 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้ในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2553 รัฐบาลสามารถจัดเก็บรายได้สุทธิสูงกว่าเป้าหมายกว่า 2.4 แสนล้านบาท หรือ 24.8%
รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 108,965 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 26,658 ล้านบาท หรือ 32.4% เป็นผลจากการขยายตัวของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนผ่านการจัดเก็บภาษีจากการบริโภคและการนำเข้าที่สูงกว่าประมาณการเป็นจำนวนมาก โดยภาษีที่จัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการที่สำคัญ ได้แก่ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีน้ำมัน ภาษีรถยนต์ และอากรขาเข้า ทั้งนี้ ภาษีรถยนต์ในเดือนนี้จัดเก็บได้เป็นจำนวน ถึง 7,099 ล้านบาท ซึ่งสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์
นอกจากนี้ ยังได้รับรายได้พิเศษจากการส่งคืนเงินประเดิมและเงินชดเชย และดอกผลของเงินดังกล่าวจากกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) จำนวน 8,135 ล้านบาท