กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ออกโรงแนะให้รัฐบาลญี่ปุ่นเดินหน้าแผนขึ้นภาษีการขายแบบค่อยเป็นค่อยไปในปีงบการเงิน 2554 โดยชี้ว่า รัฐบาลควรกำหนดตัวเลขการจัดเก็บภาษีดังกล่าวที่ระดับ 15% เพื่อรับมือกับหนี้สาธารณะที่เพิ่มสูงขึ้น
ไอเอ็มเอฟกล่าวภายหลังจากที่ได้เจรจากับรัฐบาลญี่ปุ่นและธนาคารกลางญี่ปุ่นว่า "รัฐบาลญี่ปุ่นควรเริ่มเดินหน้านโยบายภาษีในปีงบการเงิน 2554 โดยเริ่มจากการทยอยปรับขึ้นภาษีบริโภค ซึ่งจะช่วยให้รัฐบาลมีรายได้เพิ่มขึ้น 4-5% ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ"
ขณะเดียวกัน ไอเอ็มเอฟได้กล่าวถึงความสำคัญของการปฏิรูปนโยบายภาษี โดยชี้ว่า การขึ้นภาษีการขายควบคู่กับการปฏิรูปภาษีนิติบุคคลจะช่วยกระตุ้นการลงทุนในประเทศได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ ไอเอ็มเอฟเสริมว่า ปัญหาสำคัญของรัฐบาล คือ การลดตัวเลขหนี้สาธารณะผ่านการใช้มาตรการทางการเงินที่เด็ดขาดและยั่งยืน ควบคู่กับหามาตรการกระตุ้นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่เหมาะสม และปรับสมดุลทางเศรษฐกิจมากขึ้น ซึ่งไอเอ็มเอฟมองว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นจะชะลอตัวลงในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เนื่องจากการส่งออกเริ่มซบเซา ขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ผ่านมาสิ้นสุดลงแล้ว โดยคาดว่า การขยายตัวของจีดีพีในปีนี้จะอยู่ที่ 2.4% และ 1.8% ในปีหน้า
ทั้งนี้ ข้อเรียกร้องของไอเอ็มเอฟที่มีขึ้นในครั้งนี้อาจช่วยกระตุ้นให้รัฐบาลเร่งหารือเรื่องนโยบายการปฏิรูปภาษีการขายมากขึ้น ซึ่งเป็นวิธีที่ทางไอเอ็มเอฟเห็นว่า จะช่วยลดภาระหนี้สินและจะสามารถฟื้นความเชื่อมั่นของประชาชนกลับคืนมาได้ เนื่องจากขณะนี้การใช้จ่ายเงินงบประมาณด้านสาธารณะของญี่ปุ่นสูงกว่าตัวเลขจีดีพีถึงสองเท่า
อย่างไรก็ตาม แผนการขึ้นภาษีบริโภคจากปัจจุบันนี้ที่ระดับ 5% ของนายกรัฐมนตรีนาโอโตะ คัง เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้พรรครัฐบาลสูญเสียที่นั่งในสภาสูงให้กับพรรคฝ่ายค้านในการเลือกตั้งวุฒิสมาชิกเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา สำนักข่าวเกียวโดรายงาน