สถาบันวิจัยเศรษฐกิจมาเลเซีย (MIER) ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำปี 2553 เป็น 6.5% จากเดิมคาดการณ์ไว้ 5.2% เนื่องจากจีดีพีไตรมาสแรกขยายตัวดีเกินคาดถึง 10.1% ประกอบกับปัจจัยแวดล้อมภายนอกที่มีเสถียรภาพมากขึ้น
ขณะเดียวกัน MIER ระบุในรายงานเศรษฐกิจประจำไตรมาส 2 ว่า ความเชื่อมั่นผู้บริโภคและภาคเอกชนในมาเลเซียยังคงแข็งแกร่ง
"การบริโภคภาคเอกชนขยายตัว 5.1% เมื่อเทียบเป็นรายปีในไตรมาสแรกของปีนี้ อันเนื่องมาจากความเชื่อมั่นผู้บริโภคและแนวโน้มตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่งขึ้น ขณะที่สินเชื่อภาคครัวเรือนยังคงขยายตัวสูงที่ระดับ 12.5% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนพฤษภาคมปีนี้" รายงานดังกล่าวระบุ
นอกจากนั้น MIER ยังคาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อมาเลเซียน่าจะอยู่ที่ระดับ 2.2% ในปีนี้ ซึ่งสอดคล้องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและราคาสินค้าโภคภัณฑ์โลกที่ปรับตัวสูงขึ้น
ขณะเดียวกัน ซาคาเรียห์ อับดุล ราชิด กรรมการบริหารของ MIER กล่าวว่า เศรษฐกิจยุโรปที่ขยายตัวช้าลงจะส่งผลกระทบเพียงเล็กน้อยต่อมาเลเซีย เนื่องจากมาเลเซียส่งออกสินค้าไปยังยุโรปเพียง 11% ของการส่งออกทั้งหมด ถึงกระนั้นสภาพเศรษฐกิจโดยรวมทั่วโลกที่ไม่สดใสมากนักก็ทำให้ยอดส่งออกมาเลเซียหดตัวลงแล้วในช่วงเดือนเมษายนและพฤษภาคมที่ผ่านมา
เขากล่าวว่า เงินริงกิตมาเลเซียที่แข็งค่าอาจมีส่วนทำให้การส่งออกหดตัวลง อย่างไรก็ตาม เขาไม่คิดว่าเงินริงกิตจะแข็งค่าขึ้นอีกในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ โดยเขาคาดว่าเงินริงกิตน่าจะตรึงอยู่ที่ระดับ 3.1-3.2 ริงกิต/ดอลลาร์สหรัฐไปจนสิ้นปี
นอกจากนั้นเขายังกล่าวว่าจีดีพีของมาเลเซียจะไม่ขยายตัวแบบเลขสองหลักในช่วงไตรมาส 2 อย่างที่เกิดขึ้นในไตรมาสแรก ขณะที่จีดีพีไตรมาส 3 และ 4 น่าจะขยายตัวช้ากว่าไตรมาส 2
สำหรับปีหน้า MIER คาดการณ์ว่าจีดีพีมาเลเซียจะขยายตัวเพียง 5.2% และธนาคารกลางมาเลเซียน่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.75% ไปจนถึงสิ้นปีนี้ สำนักข่าวซินหัวรายงาน