สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยว่า ประเทศในกลุ่มยูโรโซน หรือ 16 ประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโร มีตัวเลขขาดดุลการค้าสูงถึง 3.4 พันล้านยูโร หรือ 4.4 พันล้านดอลลาร์ ในเดือนพ.ค. สวนทางกับเดือนเม.ย.ที่มียอดเกินดุลการค้า 300 ล้านยูโร หรือ 400 ล้านดอลลาร์
ข้อมูลของยูโรสแตทระบุว่า การที่ยอดส่งออกเดือนพ.ค.ของกลุ่มยูโรโซนเพิ่มขึ้น 1.6% ขณะที่ยอดนำเข้าเพิ่มขึ้น 4.2% เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้กลุ่มยูโรโซนขาดดุลการค้าในเดือนพ.ค.
นอกจากนี้ ยูโรสแตทเปิดเผยว่า 27 ชาติสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) มียอดขาดดุลการค้าในเดือนพ.ค.ทังสิ้น 1.51 หมื่นล้านยูโร หรือ 1.93 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนเม.ย.ที่ขาดดุล 1.1 หมื่นล้านยูโร หรือ 1.41 หมื่นล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจของกลุ่มยูโรโซนสามารถขยายตัวได้ 0.2% ในไตรมาสแรกปีนี้ จากไตรมาสสี่ของปีที่แล้ว แม้ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤตหนี้กรีซก็ตาม นอกจากนี้ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของยูโรโซนขยายตัวขึ้น 0.8% ในเดือนเม.ย. ขณะที่ยอดค้าปลีกเดือนพ.ค.ปรับตัวขึ้น 0.2% ส่วนยอดค้าปลีกเดือนพ.ค.ของ 27 ชาติสมาชิกอียู เพิ่มขึ้น 0.4% สำนักข่าวซินหัวรายงาน