นักวิเคราะห์หลายคนในสิงคโปร์เชื่อว่า ภูมิภาคเอเชียจะสามารถหลีกเลี่ยงภาวะสินเชื่อตึงตัวที่อาจส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินได้ เนื่องจากธนาคารพาณิชย์ในเอเชียมีความสามารถในการระดมทุนได้ดีกว่าธนาคารในยุโรป
หนังสือพิมพ์สเตรท ไทม์ส ของสิงคโปร์ รายงานว่า กระแสความวิตกกังวลที่ว่าปัญหาหนี้สาธารณะจะส่งผลกระทบต่อธนาคารพาณิชย์นั้น ทวีความรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะธนาคารในกลุ่มประเทศตะวันตกที่ต้องชำระคืนเงินกู้ระยะสั้นมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเงินกู้เหล่านี้จะต้องถูกปรับโครงสร้างหนี้ หรือ รีไฟแนนซ์ ในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่รัฐบาลในหลายประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มตะวันตก กำลังดิ้นรนหาเงินทุนเตรียมไว้สำหรับการไถ่ถอนตราสารหนี้และพันธบัตร
ภาวะตึงตัวด้านสินเชื่ออาจส่งผลให้ต้นทุนการกู้ยืมปรับตัวสูงขึ้นสำหรับทั้งภาคธุรกิจและผู้บริโภค และจะบั่นทอนอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจด้วย อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์คาดว่า ภาวะสินเชื่อตึงตัวที่เกิดขึ้นในรอบสองนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อเอเชีย ซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีภาวะเศรษฐกิจแตกต่างจากกลุ่มประเทศตะวันตก
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์มองว่า ธนาคารพาณิชย์ในเอเชียมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งกว่าธนาคารในยุโรปและสหรัฐ โดยธนาคารในกลุ่มประเทศตะวันกำลังประสบปัญหาด้านการระดมทุน ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการปล่อยวงเงินกู้ที่สูงเกินไป ส่วนในยุโรปนั้น อัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินฝาก (loans to deposits: L/D) อยู่ที่ 120% จึงทำให้ธนาคารยุโรปมีความเสี่ยงที่จะเผชิญวิกฤตสภาพคล่องหากตลาดขาดความเชื่อมั่น
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์กล่าวว่า ปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจในเอเชียมีความแข็งแกร่งแกร่ง โดยคาดว่าเศรษฐกิจเอเชียมีแนวโน้มขยายตัวได้ดีขึ้น มีอัตราการออมทรัพย์ที่สูงขึ้น และมีดุลงบประมาณที่แข็งแกร่งขึ้นด้วย สำนักข่าวซินหัวรายงาน