นางพรทิวา นาคาศัย รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้เดินทางไปรัสเซียได้พบปะกับรัฐมนตรีกระทรวงพัฒนาเศรษฐกิจและการค้าของรัสเซีย ซึ่งได้มีการหารือถึงแนวทางในการขยายความร่วมมือทางการค้าและการลงทุนระหว่างกันโดยทั้งสองฝ่ายได้มีความเห็นร่วมกันว่าเนื่องจากทั้งสองประเทศมีโครงสร้างทางการค้าที่เกื้อกูลกัน โดยรัสเซียเป็นแหล่งผลิตวัตถุดิบที่สำคัญ เช่น น้ำมันดิบ สินแร่ ปุ๋ย เป็นต้น ซึ่งเป็นสินค้าที่ไทยจำเป็นต้องนำเข้า ในขณะที่ไทยเป็นผู้ผลิตและส่งออกสินค้าเกษตรและอาหาร เช่น ข้าว มันสำปะหลังและอาหารแปรรูปต่างๆ เป็นต้น ซึ่งเป็นสินค้าที่รัสเซียต้องการซื้อ
ดังนั้น ภาครัฐของทั้งสองประเทศจะร่วมกันผลักดันแก้ไขปัญหาอุปสรรคทางการค้าที่มีอยู่และสนับสนุนการพบปะและติดต่อกันของภาคเอกชนของทั้งสองฝ่ายให้เพิ่มมากขึ้น รวมถึงการพิจารณาแนวทางการค้าในรูปแบบการแลกเปลี่ยนสินค้า (Barter Trade) และการซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐสำหรับสินค้าที่ทั้งสองประเทศมีศักยภาพ โดยจะให้การหารือในระดับเจ้าหน้าที่เพื่อพิจารณาความเป็นไปได้ในเรื่องนี้ภายใต้กรอบของคณะกรรมการร่วมทางการค้า (JTC) ที่ทั้งสองประเทศได้จัดตั้งขึ้นแล้ว
นอกจากนี้ ยังได้มีการหารือกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังของรัสเซียเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจและการค้าระหว่างสองประเทศ โดยทั้งสองฝ่ายเห็นว่าภาวะเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศได้ฟื้นตัวจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้วและมีแนวโน้มจะปรับตัวในทิศทางที่ดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้ทั้งสองประเทศเป็นตลาดการค้าที่สำคัญระหว่างกันในอนาคต โดยไทยสามารถเป็น Gateway สำหรับรัสเซียในการเข้าสู่ตลาดอาเซียนและรัสเซียจะเป็น Gateway ที่ไทยจะใช้เป็นฐานในการขยายการส่งออกสินค้าไปยังกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจที่ได้ร่วมตัวกันขึ้นระหว่างรัสเซีย เบลารุสและคาซัคสถานตลอดจนไปสู่กลุ่มประเทศ CIS ทั้ง 10 ประเทศ ใน
ส่วนของประเด็นหนี้ค่าข้าวไทยที่รัสเซียยังค้างชำระ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังของรัสเซียได้ตกลงตามข้อเสนอของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ไทยที่จะให้มีการประชุมเจรจาระหว่างคณะเจ้าหน้าที่ด้านเทคนิคของทั้งสองประเทศในวันที่ 9-11 สิงหาคม ศกนี้ ณ กรุงมอสโก เพื่อหาข้อยุติในเรื่องดังกล่าวโดยเร็ว
รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ในการไปเยือนรัสเซียครั้งนี้ ได้พบกับประธานหอการค้าและอุตสหกรรมของกรุงมอสโกและภาคเอกชนของรัสซัย ซึ่งได้ทราบข้อมูลว่าหอการค้าฯ ได้ให้ความสำคัญที่จะพัฒนาความร่วมมือระหว่างนักธุกิจของทั้งสองประเทศอย่างดีมาตลอด โดยในขณะนี้ได้มีการจัดตั้งสภาธุรกิจไทยและรัสเซียเพื่อเป็นกลไกเชื่อมโยงการติดต่อระหว่างกัน รวมทั้งได้ทราบว่าสินค้าไทยจำนวนมากเป็นที่ต้องการของบริษัทรัสเซียโดยได้ขอให้รัฐบาลไทยมีการประชาสัมพันธ์สินค้าไทยในตลาดรัสเซียมากขึ้น ซึ่งในเรื่องนี้ได้มอบหมายให้สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สคร.) ณ กรุงมอสโก พิจารณาดำเนินการในเรื่องดังกล่าวต่อไป
ทั้งนี้ จากการจัดให้มีการเจรจาธุกริจระหว่างบริษัทผู้ส่งออกไทยที่ร่วมเดินทางไปกับบริษัทผู้นำเข้าของรัสเซีย ซึ่งผลปรากฏว่าได้มีการตกลงซื้อขายสินค้าหลายประเภท เช่น ชิ้นส่วนรถยนต์ เนื้อไก่ อาหารแปรรูป รวมเป็นมูลค่าประมาณพันล้านบาท จึงทำให้การเดินทางไปรัสเซียครั้งนี้มีผลที่เป็นรูปธรรมและประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี