นายปุณณชัย ฟูตระกูล ผู้จัดการฝ่ายตลาดก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ บมจ.ปตท.(PTT) กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.นี้ ปตท.จะปิดให้บริการสถานีบริการก๊าซธรรมชาติในรถยนต์(เอ็นจีวี) จำนวน 38 แห่งตามแนวท่อฝั่งตะวันออก เช่น สถานีบริการใน จ.ชลบุรี 8-9 แห่ง, ระยอง 3 แห่ง, กทม. 2 แห่ง, ปทุมธานี 6 แห่ง, สระบุรี 7 แห่ง
เนื่องจากเกิดปัญหาการจัดส่งอุปกรณ์ปรับปรุงคุณภาพจากต่างประเทศมีความล่าช้า โดยคาดว่าสถานีบริการดังกล่าวจะสามารถทยอยกลับมาเปิดให้บริการได้ทั้งหมดภายในเดือน ต.ค.นี้
ทั้งนี้ ปตท.ได้วางแผนจะปรับปรุงคุณภาพสถานีบริการเอ็นจีวี เนื่องจากการผลิตเอ็นจีวีใช้ก๊าซธรรมชาติจากแหล่งในอ่าวไทยและจากสหภาพพม่าผสมกัน แต่ก๊าซฯ จากสองแหล่งนี้มีคุณภาพแตกต่างกันส่งผลกระทบต่อตัวอีซียูควบคุมการจ่ายก๊าซฯ ของรถยนต์ขนาดเล็กที่มีอยู่ 1.6 แสนคัน จากรถยนต์ที่ใช้เอ็นจีวีรวม 1.9 แสนคัน ซึ่งขณะนี้ส่วนที่เหลืออีก 3 หมื่นคนเป็นรถบรรทุกขนาดใหญ่
นายปุณณชัย กล่าวว่า จากปัญหาดังกล่าวส่งผลให้ผู้ใช้เอ็นจีวีต้องเดือดร้อนบ้าง โดย ปตท.ได้วางแผนแก้ปัญหาไว้ โดยปรับปรุงในส่วนของสถานีแม่ให้รับก๊าซได้มากขึ้นและส่งไปยังสถานีลูกได้อย่างรวดเร็ว ตอบสนองความต้องการของลูกค้า ซึ่งในส่วนของปั๊มใหญ่ เช่น ซูเปอร์สเตชั่น ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด
ปัจจุบันยอดใช้เอ็นจีวีมีประมาณ 5 พันตันต่อวัน มีปั๊มเอ็นจีวี 408 แห่ง และ ปตท.วางแผนจะเพิ่มเป็น 460 แห่งในปลายปี 2553