นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)วันนี้เห็นชอบตามที่คณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจเสนอให้อนุมัติการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อหาแนวทางการแปลงสัมปทานให้บริการโทรศัพท์มือถือระบบ 2G ให้เป็นใบอนุญาต(ไลเซ่นส์)เช่นเดียวกับระบบ 3G ที่กำลังจะมีการเปิดประมูล โดยมอบหมายกรอบเวลาให้หาข้อสรุปภายใน 1 เดือน เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อกำหนดที่คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม(กทช.)เปิดประมูลไลเซ่นส์ 3G ในเดือน ก.ย.นี้
ทั้งนี้ คาดว่าการแปลงสัญญาสัมปทานระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ 2G เป็นใบอนุญาตจะช่วยประหยัดเงินลงทุนที่ซ้ำซ้อนได้ราว 30-40% เนื่องจากทรัพย์สินที่เกิดขึ้นจากการลงทุนจะตกเป็นของภาครัฐอย่างแท้จริง จากปัจจุบันที่ไม่เกิดผลในทางปฏิบัติเพราะยังอยู่ในความครอบครองของผู้รับสัมปทานบางราย นอกจากนี้ จะทำให้ต้นทุนที่ผลักภาระให้ผู้ใช้บริการถูกลง
"ถ้าเราสามารถทำตรงนี้ได้ นอกจากความเป็นธรรมในเรื่องการแข่งขันภายใต้ระบบเดียวแล้ว จะทำให้ประหยัดการลงทุนที่ซ้ำซ้อนในเรื่องทรัพย์สินได้ประมาณ 30-40 เปอร์เซ็นต์ของทรัพย์สินที่มีอยู่ในปัจจุบัน หรือประมาณ 3-4 หมื่นล้าน(บาท)"นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ดังนั้น ไม่ว่า บมจ.ทีโอที หรือ บมจ.กสท โทรคมนาคม ต้องการประกอบธุรกิจแข่งขันด้วยก็จะต้องตั้งบริษัทลูกแล้วมาเช่าทรัพย์สินดังกล่าวในอัตราเดียวกันกับผู้ประกอบการรายอื่น เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การที่รัฐบาลกำหนดกรอบเวลาการทำงานของคณะกรรมการพิจารณาและศึกษาแนวทางปฏิบัติไว้ 30 วัน หรือราวกลางเดือน ส.ค.53 เนื่องจากไม่ต้องการให้กระทบต่อตารางเวลาการปฏิบัติงานของคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กทช.)ที่วางแผนจะเปิดประมูลใบอนุญาตในเดือน ก.ย.53
อย่างไรก็ตาม หากมีการแปลงสัญญาสัมปทานจะต้องไม่ส่งผลกระทบเรื่องรายได้ของรัฐและคดีพิพาทที่มีก่อนหน้านี้
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลอยากเห็นกิจการโทรคมนาคมเข้าสู่การแข่งขันบนพื้นฐานของเสมอภาค ไม่มีปัญหาเรื่องสัมปทาน ใบอนุญาต องค์กรกำกับดูแล บทบาทที่ทับซ้อนระหว่างการเป็นเจ้าของกิจการและผู้ประกอบการ แต่การตัดสินใจในที่สุดแล้วเป็นเรื่องของ กทช.ซึ่งรัฐบาลไม่สามารถไปบังคับได้
"มติ ครม.ยังไม่ได้ยุติหรือยกเลิกอะไร แต่ให้คณะกรรมการฯ ไปเสนอรูปแบบความเป็นไปได้ที่จะนำไปสู่การแข่งขันโดยมีใบอนุญาต ส่วนวิธีการที่เป็นไปได้ต้องไปดูทั้งข้อเท็จจริง สัญญา ข้อกฎหมาย และต้องได้รับความเห็นชอบจากทาง กทช.ยังไงคณะรัฐมนตรีก็ไม่อำนาจในการออกใบอนุญาต...ถ้าเกิด กทช.ไม่เอาด้วย เขาก็ไปประมูลของเขา ผู้รับสัมปทานก็รับสัมปทานต่อไป" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) เปิดเผยว่า ครม.มอบหมายให้คณะทำงานดูแลหลักเกณฑ์ของแผนแม่บทไอซีที ซึ่งมี รมว.ไอซีทีเป็นประธาน เพื่อหาแนวทาง และเสนอกลับมาภายใน 1 เดือน และยืนยันว่ารัฐบาลไม่ชัดขวางการประมูลใบอนุญาต 3G ของ กทช.
"ครม.ยังไม่ได้อนุมัติให้ยกเลิกสัญญาสัมปทาน เป็นเพียงการตั้งคณะกรรมการดูแลตามหลักเกณฑ์ของแผนแม่บทไอซีทีว่าจะต้องดำเนินการอย่างไร โดยไมให้ผลประโยชน์ของรัฐลดลง รวมถึงให้มีการใช้ทรัพย์สินที่มีอยู่ทั้ง ทีโอที และ กสท ให้คุ้มค่ามากที่สุด"นายจุติ กล่าว
ทั้งนี้ ในวันพรุ่งนี้ รมว.ไอซีที คาดว่าจะมีโอกาสได้หารือเรื่องดังกล่าวกับประธาน กทช.