นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม เตรียมทำหนังสือถึงผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด เพื่อแจ้งเตือนอันตรายจากการจุดบั้งไฟและโคมลอยที่มีผลต่อการบินและอากาศยาน รวมถึงการกำหนดมาตรการเกี่ยวกับการผลิตบั้งไฟและโคมลอย พร้อมกันนี้จะประสานกับกระทรวงมหาดไทย เพื่อกำหนดระเบียบในการควบคุมการเล่นบั้งไฟและการกำหนดระยะเวลาการเล่นบั้งไฟ ซึ่งอาจต้องมีการขออนุญาตก่อน
"กระทรวงคมนาคมได้รับแจ้งจากสายการบินทั้งในและต่างประเทศว่าพบบั้งไฟขึ้นไปในระดับความสูงของการบินซึ่งจะเป็นอันตรายต่อการบินและอากาศยานได้ ดังนั้นจึงต้องออกมาตรการควบคุมเพื่อช่วยป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ และให้ระบบการบินปลอดภัย 100%" นายโสภณ กล่าว
ด้านนางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.) กล่าวว่า จากสถิติพบว่าอัตราการจุดบั้งไฟ และโคมลอยมีเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยการจุดบั้งไฟประจำปี 2552 พบว่าจังหวัดบุรีรัมย์มีการจุดบั้งไฟมากที่สุดจำนวน 3,090 บั้ง ส่วนการปล่อยโคมลอยนั้นพบว่ามีโคมลอยที่ร่วงหล่นอยู่ภายในเขตการบินระหว่างวันที่ 15 ต.ค.-15 พ.ย.2552 มากที่สุดในจังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 793 อัน
"หากสังเกตจากระบบติดตามอากาศยาน(เรดาห์) จะพบว่าบั้งไฟมีลักษณะเหมือนจรวดวิ่งพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าและบางครั้งเหมือนวิ่งเข้าหาเครื่องบิน และปัจจุบันบั้งไฟมีการพัฒนาความแรงและความเร็วให้สามารถอยู่ในอากาศได้นานและสูงขึ้น โดยบั้งไฟที่พบมีน้ำหนักเชื้อเพลิงขนาด 300-1,200 กิโลกรัม และทำให้อยู่ในระดับสูงถึงระดับการบินที่ประมาณ 2-3 หมื่นฟิต และเฉพาะเครื่องบินขนาดเล็กที่ทำการบินในระดับต่ำจะมีความเสี่ยงพบบั้งไฟในระหว่างทำการบิน" นางสร้อยทิพย์ กล่าว