ดีมานด์เงินกู้ภาคธุรกิจของญี่ปุ่นปรับตัวลดลง บีโอเจหวั่นกระทบแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ

ข่าวต่างประเทศ Wednesday July 21, 2010 10:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ความต้องการเงินกู้ภาคธุรกิจของญี่ปุ่นปรับตัวลดลงในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อความพยายามของธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ในการกระตุ้นการกู้ยืมเงินภาคเอกชน รวมถึงการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

ดัชนีความต้องการเงินกู้ภาคธุรกิจปรับตัวลดลงสู่ระดับติดลบ 17 ในเดือนก.ค. จากระดับติดลบ 10 ในช่วง 3 เดือนก่อนหน้านี้ นับเป็นตัวเลขที่อยู่ในระดับติดลบนานต่อเนื่อง 5 ไตรมาส ซึ่งบ่งชี้ถึงอุปสงค์ที่ร่วงลงในช่วงเวลาดังกล่าว

เมื่อเดือนที่ผ่านมา บีโอเจเปิดเผยโครงการจัดตั้งกองทุน 3 ล้านล้านเยน (3.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อกระตุ้นอัตราการปล่อยเงินกู้ให้กับภาคธุรกิจต่างๆ รวมถึงกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระยะยาว โดยมองว่าการปล่อยเงินกู้จะช่วยสร้างเสถียรภาพด้านราคาผู้บริโภคได้ ขณะที่หลายบริษัทยังลังเลที่จะขอเงินกู้เพื่อนำไปลงทุนในช่วงที่การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในประเทศส่งสัญญาณชะลอตัว

ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์มองว่ามีความเป็นไปได้น้อยที่มาตรการของบีโอเจข้างต้นจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวม เนื่องจากมาตรการดังกล่าวไม่เพียงพอที่จะขจัดความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจได้ เพราะความต้องการเงินกู้จะยังคงซบเซา และการฟื้นตัวก็กระจุกตัวอยู่เฉพาะในกลุ่มธุรกิจส่งออก

ผลสำรวจที่มีการเปิดเผยในวันนี้บ่งชี้ว่า ความต้องการเงินกู้ที่ลดลงมีสาเหตุหลักมาจากการที่บริษัทหลายแห่งกำลังมองหาแหล่งระดมทุนอื่นๆ ขณะที่การลงทุนในสินทรัพย์คงที่ปรับตัวลดลง และภาวะเงินฝืดก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลกระทบต่อการกู้ยืมเงิน

ด้านนักวิเคราะห์อีกรายแสดงความเห็นว่า แม้หลายบริษัทจะใช้เงินเพื่อซื้ออุปกรณ์ใหม่ๆ ในโรงงานและเพิ่มกำลังการผลิต แต่ไม่ได้หมายความว่าผลกำไรจะขยายตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากเศรษฐกิจยังคงอยู่ในภาวะชะงักงัน

ทั้งนี้ เศรษฐกิจญี่ปุ่นยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการกระตุ้นอัตราการใช้จ่ายเงินทุน หลังจากที่ประเทศผ่านพ้นภาวะตกต่ำทางเศรษฐกิจครั้งรุนแรงที่สุดตั้งแต่ยุคหลังสงครามโลก โดยในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ภาคธุรกิจของญี่ปุ่นมีเม็ดเงินสะพัดอยู่ที่ 202.7 ล้านล้านเยน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ