นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ และ Chief Economist ธนาคารไทยพาณิชย์(SCB) เปิดเผยว่า จากดัชนีบ่งชี้เศรษฐกิจต่างๆ ในเดือนเม.ย. และ พ.ค.53 ที่ขยายตัวดี ประกอบกับตัวเลขการส่งออกไม่รวมทองคำเดือนมิ.ย.ที่สูงถึง 40% ทำให้ประเมินว่า GDP ไตรมาส 2 น่าจะขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 7% ส่งผลให้โดยเฉลี่ย GDP ในครึ่งแรกของปีนี้น่าจะขยายตัวได้ราว 10%
โดยปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลักๆ ของไทยตอนนี้คือการผลิตภาคอุตสาหกรรม เห็นได้จากสินค้าส่งออกหลักของไทยที่ขยายตัวดี ได้แก่ สินค้าอุตสาหกรรม เช่น ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และเครื่องจักรอุปกรณ์ ทำให้ลำพังภาคอุตสาหกรรมอย่างเดียวก็น่าจะช่วยให้ GDP ไตรมาส 2 ขยายตัวได้เกือบ 6% แล้ว
ส่วนภาคบริการนั้น แม้บางส่วน เช่น โรงแรม ร้านอาหาร จะได้รับผลกระทบจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง แต่ภาคบริการอื่นๆ เช่น การขนส่ง และการค้า น่าจะยังคงขยายตัวได้จากการส่งออกและการบริโภคภายในประเทศที่ฟื้นตัว ซึ่งเมื่อรวมกับภาคอุตสาหกรรมแล้วน่าจะช่วยให้ GDP ไตรมาส 2 ขยายตัวได้กว่า 7%
อย่างไรก็ดี การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของไทยในช่วงครึ่งแรกของปี ถูกขับเคลื่อนโดยการผลิตอุตสาหกรรมและการส่งออกที่ปรับตัวดีขึ้นตามเศรษฐกิจโลก ทำให้การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยมีโอกาสสูงที่จะแผ่วลงในครึ่งหลังของปีตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกอันเนื่องมาจากจากปัจจัยลบหลายประการ เช่น ความเปราะบางในการฟื้นตัวของการบริโภคภาคครัวเรือนสหรัฐฯ ปัญหาวิกฤติหนี้สาธารณะในยุโรป รวมไปถึงความพยายามของรัฐบาลจีนที่ต้องการลดความร้อนแรงของการเติบโตทางเศรษฐกิจลง
"มองว่าโดยเฉลี่ยทั้งปี 53 GDP ของไทยน่าจะขยายตัวได้ราว 6-7% ซึ่งก็เป็นตัวเลขที่นับว่าดูดี แต่ประเด็นสำคัญคือ ตัวเลขเฉลี่ยดังกล่าวเกิดจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ออกมาดีมากในครึ่งแรกของปี ซึ่งหากมองไปข้างหน้า เศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มจะชะลอตัวลงน่าจะทำให้การเติบโตของเศรษกิจไทยแผ่วลงไปด้วยในครึ่งหลังของปี" นายเศรษฐพุฒิ กล่าว