นักเศรษฐศาสตร์ของจีนแสดงความเชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจจีนจะไม่เผชิญกับภาวะถดถอยรอบสอง แม้ว่าเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสสองจะขยายตัวช้าลง
โดยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของจีนในไตรมาส 2 ขยายตัวที่ระดับ 10.3% ซึ่งชะลอตัวลงจากที่ขยายตัวได้ 11.9% ในไตรมาสแรก เนื่องจากบทบาทของแผนกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 4 ล้านล้านหยวนที่ได้ใช้ไปก่อนหน้านี้เริ่มลดลง ซึ่งจากตัวเลขเศรษฐกิจดังกล่าวทำให้หลายฝ่ายเกิดกระแสความกังวลว่าจีน ซึ่งเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดอันดับ 3 ของโลกอาจเผชิญภาวะถอยถอยรอบสองได้
เหลียน ผิง หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากธนาคารแบงก์ ออฟ คอมมิวนิเคชั่นกล่าวว่า การขยายตัวของจีดีพีที่ชะลอตัวลงมาอยู่ในระดับ 10.3% นั้นไม่ได้หมายความว่าเป็นตัวเลขที่อยู่ในระดับต่ำ ในทางตรงกันข้ามตัวเลขการขยายตัวดังกล่าวบ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจที่ยังแข็งแกร่ง และแม้ว่าจีดีพีจะปรับตัวมาอยู่ที่ 9% ก็ยังถือว่าอยู่ในระดับที่สูงสำหรับเศรษฐกิจจีน
นอกจากนี้ เหลียนเชื่อว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนจะไม่ปรับตัวลงมาอยู่ต่ำกว่าเมื่อช่วงไตรมาสแรกของปี 2552 ที่ 6.1% ซึ่งเป็นช่วงที่เศรษฐกิจได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤตการเงินโลก แต่ยอมรับว่าภาคการส่งออกซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการผลักดันการขยายตัวทางเศรษฐกิจ อาจได้รับผลกระทบในช่วงไตรมาสสามของปีนี้ จากวิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรป
ขณะเดียวกัน เขาชี้ว่า ผู้บริโภคไม่ควรวิตกกังวลต่อความผันผวนทางเศรษฐกิจมากจนเกินไป เพราะการเติบโตทางเศรษฐกิจในขณะนี้ยังเป็นปกติ ขณะที่รัฐบาลควรรักษาเสถียรภาพด้านนโยบายด้านเศรษฐกิจมหภาคเพื่อให้นักลงทุนคาดการณ์แนวโน้มตลาดได้อย่างถูกต้อง
ทั้งนี้ ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญในภาคอุตสาหกรรมการเงินสอดคล้องกับประธานาธิบดีหู จิ่นเทา ของจีนที่กล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า รัฐบาลควรยึดมั่นในการใช้นโบยการเงินเชิงรุกและมาตรการทางการเงินแบบผ่อนคลายในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เพื่อปูทางการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่รวดเร็วและมีเสถียรภาพ พร้อมทั้งย้ำว่า เศรษฐกิจกำลังเดินหน้าไปในทิศทางที่ถูกต้องภายใต้มาตรการควบคุมด้านเศรษฐกิจมหภาคของรัฐบาล และรัฐบาลจะยังคงใช้นโยบายเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพอย่างต่อเนื่องเพื่อผลักดันเศรษฐกิจให้บรรลุเป้าหมายและสร้างความยืดหยุ่นได้มากขึ้น สำนักข่าวซินหัวรายงาน