สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (26 ก.ค.) เนื่องจากยอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐที่พุ่งขึ้นเกินคาดและการที่ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 100 จุดติดต่อกัน 3 วัน ทำให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดความเสี่ยง
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาทองคำ COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ลดลง 4.70 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1,183.10 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,178.60 - 1,194.80 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 9.90 เซนต์ ปิดที่ 18.200 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 3.8 เซนต์ ปิดที่ 3.2230 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 13.00 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,555.80 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 8.25 ดอลลาร์ ปิดที่ 475.00 ดอลลาร์/ออนซ์
นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำหลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดขายบ้านใหม่เดือนมิ.ย.พุ่งขึ้น 23.6% สู่ระดับ 330,000 ยูนิตต่อปี จากเดือนพ.ค.ที่ระดับ 267,000 ยูนิตต่อปี ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบ 30 ปี และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 320,000 ยูนิตต่อปี
นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นนิวยอร์กยังกระตุ้นให้นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำและเข้าเทรดในตลาดหุ้น หลังจากบริษัท เฟดเอ็กซ์ คอร์ป ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการเพราะเชื่อมั่นว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจะช่วยหนุนกิจการของบริษัทให้แข็งแกร่งขึ้นด้วย โดยเฟดเอ็กซ์คาดว่าผลประกอบการในไตรมาส 3 ของบริษัทจะอยู่ที่ระดับ 1.05 - 1.25 ดอลลาร์ต่อหุ้น เพิ่มขึ้นจากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 85 เซนต์ ถึง 1.05 ดอลลาร์ต่อหุ้น