นายกฯ ยันมาตรการประชานิยมไม่มีผลกระทบต่อเสถียรภาพการเงิน-การคลัง

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday July 28, 2010 15:51 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าการพิจารณาออกมาตรการต่างๆ ที่ให้ความช่วยเหลือประชาชนในลักษณะโครงการประชานิยมนั้น รัฐบาลได้พยายามปรับลดลงให้เหมาะสมมากที่สุดโดยคำนึงถึงทั้งเสถียรภาพการเงินและการคลังของประเทศ ดังจะเห็นได้จากรัฐบาลได้ปรับลดมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพไปตามสถานการณ์ เช่น ค่าน้ำ, ค่าไฟฟ้า

ส่วนมาตรการภาษีและมาตรการด้านงบประมาณนั้น เป็นเสมือนกับ 2 เครื่องมือที่ยากจะกำหนดได้ว่าเครื่องมือใดเครื่องมือหนึ่งดีกว่ากัน เนื่องจากการได้รับประโยชน์ย่อมแตกต่างกันไปตามแต่ละกลุ่มเป้าหมาย พร้อมระบุว่า รัฐบาลจะไม่ริเริ่มโครงการใหม่ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อฐานะการคลังของประเทศ และโครงการที่รัฐบาลดำเนินการในขณะนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพการเงิน-การคลังแต่อย่างใด

"เราดูฐานะการคลังให้สามารถรับกับมาตรการต่างๆ ได้ ผมยืนยันว่าการตัดสินใจของรัฐบาลชุดนี้ในทุกกรณี ผมจะดูว่าสามารถจะปฏิบัติได้ โดยไม่มีผลกระทบกับฐานะการคลังของประเทศ" นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า ช่วงเวลาปีครึ่งที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าความจำเป็นที่จะต้องกู้เงินได้ลดลงไปถึง 4 แสนล้านบาท นอกจากนี้การขาดดุลงบประมาณยังน้อยกว่าที่คาดไว้ราว 2-3 แสนล้านบาท ขณะที่รายได้จากภาคการส่งออกได้เติบโตสูงเกินเป้าหมาย ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้แสดงให้เห็นว่าไม่ได้มีปัญหาในแง่ของเสถียรภาพด้านการคลัง

ขณะที่เสถียรภาพด้านการเงินนั้น ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ก็มีอิสระในการทำงาน ดังจะเห็นได้ว่าล่าสุดมีการตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายไปแล้ว ดังนั้นจึงมองไม่เห็นว่าขณะนี้ประเทศไทยจะมีผลกระทบในเชิงเสถียรภาพการเงินและการคลังแต่อย่างใด

ส่วนปัญหาราคาสินค้า และปัญหาค่าครองชีพนั้น นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ไปวิเคราะห์ต้นทุนที่แท้จริงของสินค้าอุปโภค-บริโภคที่สำคัญ โดยให้นำกลับมาพิจารณาในที่ประชุมครม.เศรษฐกิจในครั้งต่อไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ