ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินเยน ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (28 ก.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ รวมถึงยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมิ.ย.และรายงานการประเมินภาวะเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.52% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 87.420 เยน จากระดับของวันอังคารที่ 87.880 เยน และดิ่งลง 0.28% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 1.0571 ฟรังค์ จากระดับ 1.0601 ฟรังค์
ค่าเงินยูโรอ่อนตัวลง 0.12% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.2978 ดอลลาร์ จากระดับของวันอังคารที่ 1.2993 ดอลลาร์ และค่าเงินปอนด์ขยับลง 0.08% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.5576 ดอลลาร์ จากระดับ 1.5588 ดอลลาร์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียดิ่งลง 1.03% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.8920 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันอังคารที่ 0.9013 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 0.63% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7281 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7327 ดอลลาร์สหรัฐ
ภาวะการซื้อขายในตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กค่อนข้างผันผวน เนื่องจากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐ ซึ่งส่งผลให้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงด้วย
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนประจำเดือนมิ.ย.ร่วงลง 1.0% สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.0% และเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 2 เดือน โดยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน หรือสินค้าที่มีอายุการใช้งานนานกว่า 3 ปี เป็นดัชนีวัดสถานะความแข็งแกร่งของภาคการผลิตซึ่งถือเป็น 1 ในแรงขับเคลื่อนหลักของระบบเศรษฐกิจสหรัฐ
เฟดออกรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของเฟดทั้ง 12 เขต หรือ Beige Book ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐเป็นไปอย่างล่าช้า โดยในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา ภาวะเศรษฐกิจในเขตคลิฟแลนด์ และแคนซัส ซิตี้ ค่อนข้างทรงตัว ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจในแอตแลนต้าและชิคาโก ชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 2 ปี 2553 ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจีดีพีจะขยายตัวในอัตรา 2.3% ต่อปี ลดลงจากไตรมาสแรกที่ขยายตัว 2.7% ต่อปี