ยูเรก้าเฮดจ์ (Eurekahedge) ซึ่งเป็นบริษัทประเมินกองทุนของสิงคโปร์ เปิดเผยว่า การจัดตั้งเฮดจ์ฟันในสิงคโปร์เพิ่มจำนวนขึ้น หลังจากธนาคารกลางสิงคโปร์อนุมัติกฎเกณฑ์ใหม่ที่ระบุว่าเฮดจ์ฟันด์บางประเภทไม่จำเป็นต้องมีใบอนุญาต
ข้อมูลของยูเรก้าเฮดจ์ระบุว่า ในช่วงเดือนพ.ค. - มิ.ย. มีการจัดตั้งเฮดจ์ฟันด์ใหม่ 7 แห่งในสิงคโปร์ หลังจากธนาคารกลางสิงคโปร์ออกแถลงการณ์ว่า เฮดจ์ฟันด์ขนาดเล็กที่บริหารสินทรัพย์ไม่ถึง 250 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (183 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) สามารถดำเนินธุรกรรมต่อไปได้โดยไม่จำเป็นต้องมีใบอนุญาต ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้มีการจัดตั้งเฮดจ์ฟันด์ใหม่ในสิงคโปร์อย่างคึกคัก หลังจากจำนวนเฮดจ์ฟันด์ใหม่ร่วงลงอย่างหนักถึง 13% ในปีที่แล้ว เหลือเพียง 26 แห่ง ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 7 ปี
สิงคโปร์กำลังแข่งขันกับฮ่องกงในการชิงส่วนแบ่งตลาดอุตสาหกรรมเฮดจ์ฟันด์ทั่วโลกที่มีมูลค่าสูงถึง 1.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงเศรษฐกิจเอเชียขยายตัวแข็งแกร่งจนกลายเป็นเสาหลักในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจโลก นอกจากนี้ ทางการสิงคโปร์ยังเปิดทางให้การจัดตั้งกลุ่มเฮดจ์ฟันด์มีขั้นตอนที่ง่ายกว่าประเทศอื่นๆในเอเชีย รวมถึงฮ่องกง ที่ซึ่งกลุ่มผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ต้องเผชิญกับข้อกำหนดที่ต้องมีใบอนุญาต
ธนาคารกลางสิงคโปร์เปิดเผยว่า มูลค่าของอุตสาหกรรมเฮดจ์ฟันด์ภายในประเทศขยายตัวสู่ระดับ 4.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2552 จากปี 2548 ที่ระดับ 1.0 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และในปี 2552 สิงคโปร์มีเฮดจ์ฟันด์ทั้งสิ้น 320 ราย เมื่อเทียบกับช่วงก่อนปี 2554 ที่มีอยู่ไม่ถึง 20 ราย
ด้านคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ล่วงหน้าของฮ่องกง (SFC) ระบุว่า จำนวนเฮดจ์ฟันด์ที่ได้รับใบอนุญาตจาก SFC เพิ่มขึ้นเป็น 542 ราย ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบ 5 เท่าจากระดับในปี 2547 ส่วนมูลค่าสินทรัพย์ที่บริหารโดยเฮดจ์ฟันด์ในฮ่องกงในปีงบการเงินที่สิ้นสุด ณ วันที่ 31 มี.ค.2552 อยู่ที่ 5.53 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 6 เท่าจากระดับของปี 2547