ธนาคารกลางสิงคโปร์ระบุในรายงานประจำปีว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของสิงคโปร์อาจจะยังอยู่ในระดับสูงต่อไปในช่วงระยะเวลาที่เหลือของปีนี้ เพราะได้ปัจจัยหนุนจากอุตสาหกรรมต่างๆที่ยังคงขยายตัวได้ดีในปีนี้ แต่สถานการณ์ดังกล่าวจะส่งผลให้ต้นทุนทางธุรกิจพุ่งสูงขึ้น และกระตุ้นให้เกิดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ
เศรษฐกิจสิงคโปร์มีแนวโน้มที่จะเป็นประเทศที่มีอัตราการขยายตัวรวดเร็วที่สุดในโลกในปีนี้ เนื่องจากดีมานด์สินค้าและบริการที่สูงขึ้น จนทำให้รัฐบาลปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจถึง 3 ครั้งในปีนี้ ขณะที่ธนาคารกลางสิงคโปร์ได้ลดค่าเงินดอลลาร์สิงคโปร์ลง อย่างไรก็ดี แนวโน้มของเศรษฐกิจสิงคโปร์ก็อาจจะได้รับผลกระทบจากมาตรการคุมเข้มเพื่อลดยอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลในแถบยุโรป ตลอดจนยอดการใช้จ่ายภาคครัวเรือนในประเทศมหาอำนาจชะลอตัวลง
ที่ผ่านมา แบงค์ชาติสิงคโปร์ใช้นโยบายอัตราแลกเปลี่ยนเป็นกลไกในการบริหารจัดการเงินเฟ้อมากกว่าการใช้อัตราดอกเบี้ย โดยในการประชุมเมื่อเดือนเม.ย.นั้น ธนาคารกลางสิงคโปร์ระบุว่า จะปรับค่าเงินดอลลาร์สิงคโปร์ให้แข็งค่าขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งการปรับเปลี่ยนจุดยืนด้านนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนนี้จะช่วยให้ราคาผู้บริโภคมีเสถียรภาพ พร้อมกับคาดการณ์ว่า เงินเฟ้อของประเทศอาจจะอยู่ในช่วง 2.5-3.5% ในปีนี้
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ระบุว่า เงินเฟ้อของสิงคโปร์มีแนวโน้มสูงขึ้น ดังนั้นคณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางสิงคโปร์ควรจะระมัดเรื่องแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจและราคาผู้บริโภค ซึ่งสิงคโปร์อาจจะต้องใช้นโยบายอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มเติม และระบุว่าสกุลเงินดอลลาร์สิงคโปร์มีแนวโน้มอ่อนตัวลงต่ำกว่าค่ากลางที่ธนาคารกลางกำหนดไว้