บล.ฟิลลิป คาดมินิโกลด์ฟิวเจอร์เพิ่มบัญชีลูกค้า 20%,ครึ่งปีหลังทองแตะ 1,300 ดอลล์

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday July 29, 2010 16:46 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกิดาการ สุวรรณธรรมา ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจอนุพันธ์ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย)กล่าวว่า การเปิดเทรดมินิโกลด์ฟิวเจอร์สครั้งแรกในวันที่ 2 ส.ค.นี้ คาดว่าจะทำให้บริษัทมีบัญชีลูกค้าในส่วนของโกลด์ฟิวเจอร์สเพิ่มขึ้น 20% จาก 250-300 บัญชีในปัจจุบัน

ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทมีเป้าหมายเพิ่มจำนวนลูกค้าในบัญชีที่ซื้อขายตราสารอนุพันธ์เป็น 1,700-1,800 บัญชี จากปัจจุบันที่ 1,600 บัญชี โดยเน้นการขยายฐานในกลุ่มลูกค้าเดิมของบริษัทเป็นหลัก ซึ่งขณะนี้บริษัทมีลูกค้ารวมทั้งหมด 24,000 บัญชี

นายกิดาการ คาดว่าการซื้อขายมินิโกลด์ฟิวเจอร์จะทำให้ปริมาณการซื้อขายโกลด์ฟิวเจอร์สรวมของทั้งตลาดในช่วงที่เหลือของปีนี้เพิ่มเป็นวันละ 10,000 สัญญา จากที่เคยขึ้นสู่ระดับ 8,496 สัญญาในช่วงเดือน ก.พ.53

การเปิดซื้อขายมินิโกลด์ฟิวเจอร์จะส่งผลดีทั้งกับโบรกเกอร์ในตลาดอนุพันธ์ ทั้งเป็นบริษัทหลักทรัพย์และผู้ค้าทองคำ แต่อาจจะได้ ประโยชน์มากน้อยแตกต่างกันไปบ้าง โดยโบรกเกอร์ที่เป็นผู้ค้าทองคำน่าจะได้ประโยชน์มากกว่า เนื่องจากมีความเชี่ยวชาญในธุรกิจและฐานลูกค้าก็คุ้นเคยกับการลงทุนในทองคำอยู่แล้ว ทำให้พร้อมที่จะเข้ามาลงทุนในอนุพันธ์ทองคำง่ายขึ้น

ขณะที่โบรกเกอร์ที่เป็นบริษัทหลักทรัพย์ได้ประโยชน์จากฐานลูกค้ารายย่อยที่มีอยู่จำนวนมากและสนใจการลงทุนในโกลด์ฟิวเจอร์ส ซึ่งแต่ก่อนอาจจะยังไม่กล้าเข้ามาลงทุนเนื่องจากสัญญามีขนาดใหญ่ 50 บาททองคำ/สัญญา แต่มินิโกลด์ฟิวเจอร์ลดขนาดลงมาเป็น 10 บาททองคำ/สัญญาทำให้รายย่อยกล้าเข้ามาลงทุนมากขึ้น

นายกิดาการ กล่าวว่า บริษัทได้เตรียมแผนงานไว้รองรับการขยายฐานลูกค้าไว้แล้ว โดยวางกลยุทธ์เพิ่มโปรโมชั่นให้ทั้งในส่วนของเจ้าหน้าที่การตลาดและลูกค้าไตรมาสละ 1 โปรโมชั่น

พร้อมทั้งวางระบบการซื้อขายอนุพันธ์รูปแบบใหม่ที่เรียกว่า X-PRO Derivatives ซึ่งมีความรวดเร็วเสมือนได้เข้าไปนั่งเทรดในห้องค้าจริงๆ มีการรายงานราคาทองคำตลอดทั้งวัน โดยขยายเวลาเป็นตั้งแต่ 06.00 น.จนถึง 04.00 น.ของอีกวัน ซึ่งราคาที่รายงานจะเป็นราคาเดียวกันกับราคาทองคำที่ตลาดอนุพันธ์แห่งประเทศไทย (TFEX) ใช้อ้างอิงราคา Gold Futures

และ พัฒนาระบบ Strategy Simulation ซึ่งเป็นเครื่องมือทดลองกลยุทธ์ในการซื้อขายสินค้าอนุพันธ์ต่างๆ รวมทั้ง จะมีการ เดินสาย Roadshow เพื่อให้ความรู้กับนักลงทุนและสาขาต่างๆทั่วประเทศ มีการให้เกร็ดความรู้ผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆสัปดาห์เว้นสัปดาห์

ด้านนางสาวปิ่นแก้ว สันติเมธวิรุฬ นักกลยุทธ์ตราสารอนุพันธ์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ราคาทองคำปัจจุบันอยู่ในช่วงการพักฐานที่ระดับ 1,100-1,150 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือเทียบเท่ากับราคาโกลด์ฟิวเจอร์สที่บริเวณ 16,500-17,200 บาท แต่คาดว่าครึ่งปีหลังราคาน่าจะมีโอกาสเพิ่มขึ้นมาที่ 1,250-1,300 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือเทียบเท่ากับราคาโกลด์ฟิวเจอร์สที่บริเวณ 18,700-19,500 บาท เนื่องจากเศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวดีและความต้องการทองคำในอุตสาหกรรมจิวเวลรี่และอุตสาหกรรมต่างๆมีแนวโน้มมากขึ้น

ในไตรมาส 1/53 ความต้องการทองคำในอุตสาหกรรมจิวเวลรี่เพิ่มขึ้น 75% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนใหญ่มาจากประเทศแถบเอเชียทั้ง อินเดีย จีน ฮ่องกง ตะวันออกกลาง ขณะที่ยุโรปมีความต้องการลดลงหลังเกิดวิกฤตปัญหาหนี้สิน ประกอบช่วงไตรมาส 4/53 ต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 1/54 เป็นช่วงเทศกาลทั้งปีใหม่และตรุษจีน ทำให้ความต้องการทองคำเพิ่มมากขึ้น

นางสาวปิ่นแก้ว แนะกลยุทธ์การลงทุนในระยะสั้น โดยแนะนำ"ซื้อ/ขาย"หรือ"เก็งกำไร"ในกรอบราคาทองที่ 1,166-1,220 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่วนโกลด์ฟิวเจอร์แนะ"เก็งกำไร"ขึ้นขาย/ลงซื้อในกรอบ 17,700-18,600 บาท ส่วนกลยุทธ์ในระยะยาวแนะนำให้"ทยอยเข้าซื้อ/สะสม"ทองคำ หรือ เปิดซื้อ Long โกลด์ฟิวเจอร์ส เมื่อราคาอ่อนตัวลงมา


แท็ก บัญชี   โกลด์  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ