กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ชี้ธนาคารกลางจีนยังไม่จำเป็นต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ย แม้ว่าประเทศต่างๆในเอเชียจะพากันขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปแล้วก็ตาม เนื่องจากเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียสามารถรับมือกับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากประเทศที่พัฒนาแล้ว
ไอเอ็มเอฟระบุในแถลงการณ์ภายหลังจากที่ได้ประชุมประจำปีกับรัฐบาลจีนว่า เจ้าหน้าที่จีนระบุว่าแนวโน้มเงินเฟ้อของจีนยังไม่ได้อยู่ในระดับที่สูง ดังนั้นจึงยังไม่มีความจำเป็นในการขึ้นดอกเบี้ยในขณะนี้ นอกจากนี้ จีนยังกังวลด้วยว่า หากอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับที่สูงกว่าเดิม อาจจะจุดชนวนให้เกิดกระแสเงินทุนไหลเข้าก็เป็นได้
แม้จีนจะมองว่าเงินหยวนเกือบจะอยู่ในภาวะที่สมดุลกว่าช่วงเวลาก่อนหน้านี้ แต่เจ้าหน้าที่ของไอเอ็มเอฟกลับมีความเห็นไปในทางตรงกันข้ามว่า เงินหยวนของจีนอ่อนค่าเกินจริง ซึ่งประเด็นนี้เป็นประเด็นที่เหล่าผู้บริหารในที่ประชุมมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน
จีนได้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2551 แม้ว่าประเทศต่างๆ เช่น มาเลเซีย ไต้หวัน เกาหลีใต้ และอินเดีย จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยกันไปแล้วก็ตาม ขณะที่มีข้อมูลออกมาว่า มีสัญญาณเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่ชี้ให้เห็นว่ายอดขาดดุลงบประมาณในแถบยุโรปและอัตราว่างงานของสหรัฐส่งผลกระทบต่อการส่งออก
ไนเจล ชอล์ค ผู้จัดการไอเอ็มเอฟประจำประเทศจีน กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงของจีนอยู่ใกล้กับระดับศูนย์ จึงทำให้แรงจูงใจในเรื่องการเก็งกำไรจากอัตราดอกเบี้ยลดน้อยลง แต่เมื่อเวลาผ่านไป การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะเป็นเรื่องที่จำเป็นเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายอื่นๆ เช่น นโยบายการพัฒนาด้านการเงินและการแข็งค่าของค่าเงิน
ทั้งนี้ ไอเอ็มเอฟได้เปิดเผยมุมมองที่มีต่อเศรษฐกิจจีนเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ปี 2549 ขณะที่ก่อนหน้านี้จีนไม่ต้องการให้มีการเผยแพร่รายงานประจำปีเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว
ประธานาธิบดีหู จิ่นเทาของจีนเปิดเผยว่า ทางรัฐบาลจะยังคงดูแลเรื่องการใช้นโยบายให้อยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพในช่วงครึ่งปีหลัง หลังจากที่ได้ประกาศใช้มาตรการต่างๆเพื่อควบคุมราคาอสังหาริมทรัพย์ เงินเฟ้อ ส่วนอัตราการปล่อยเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์ก็มีอัตราการขยายตัวที่ชะลอตัวลงในไตรมาส 2