กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ออกรายงานการประเมินเศรษฐกิจและนโยบายรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจของสหรัฐในวันนี้ โดยระบุว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐเป็นไปอย่างล่าช้า และยังมีแนวโน้มที่ไม่แน่นอน นอกจากนี้ เศรษฐกิจสหรัฐยังเผชิญกับความเสี่ยงที่จะชะลอตัวลงมากขึ้นด้วย
"ดีมานด์ในภาคเอกชนของสหรัฐซบเซาลงมาก ขณะที่อัตราว่างงานปรับตัวลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยปัจจุบันอัตราว่างงานในสหรัฐยืนอยู่ที่ระดับ 9.5% ซึ่งเป็นระดับที่คณะทำงานของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ระบุว่าเป็น 'สูงจนไม่อาจยอมรับได้' อัตราว่างงานที่อยู่ในระดับสูงเกินไปจะทำให้ภาคครัวเรือนลังเลที่จะเพิ่มการจับจ่ายใช้สอย และทำให้ภาคเอกชนลดการใช้จ่ายด้วยเช่นกัน ซึ่งตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคของสหรัฐคิดเป็นร้อยละ 70 ของระบบเศรษฐกิจ" คณะกรรมการบริหารของไอเอ็มเอฟกล่าวในรายงานหลังจากได้ร่วมประชุมกับเจ้าหน้าที่ของสหรัฐ
ไอเอ็มเอฟยังกล่าวด้วยว่า แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่จะชะลอตัวลง โดยเฉพาะความเสี่ยงที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์จะถดถอยรุนแรงและลุกลามไปยังภาคส่วนอื่นๆ หากสถานการณ์การเงินในต่างประเทศเข้าขั้นวิกฤต ทั้งนี้ ไอเอ็มเอฟแนะให้รัฐบาลสหรัฐใช้นโยบายเชิงรุกเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับการคงมาตรการกระตุ้นการคลังในปีนี้
"การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐยังคงขึ้นอยู่กับการใช้นโยบายสนับสนุน และขึ้นอยู่กับความเสี่ยงในด้านต่างๆด้วย ความท้าทายสำหรับรัฐบาลสหรัฐคือการใช้นโยบายกระตุ้นด้านการเงินและการคลังแบบระยะยาวและยั่งยืน ส่วนในขั้นตอนต่อไปคือการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวในระดับกลาง และจำกัดความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากปัจจัยภายนอก นอกจากนี้ เรามองว่าแม้การถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในปีหน้าจะเป็นเรื่องที่เหมาะสม แต่สำหรับในปีนี้ สหรัฐควรมุ่งเน้นนโยบายกระตุ้นด้านการคลังต่อไป" ไอเอ็มเอฟกล่าว