สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป หรือ ยูโรสแตท เปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อในกลุ่มประเทศที่ใช้เงินยูโร 16 ประเทศ เพิ่มขึ้น 1.7% ต่อปีในเดือนกรกฎาคม จากระดับ 1.4% ในเดือนมิถุนายน ซึ่งเป็นไปตามคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่
โดยถึงแม้ว่าอัตราเงินเฟ้อล่าสุดจะปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2551 หรือในรอบ 20 เดือน และเข้าใกล้ระดับเป้าหมาย 2% ที่ธนาคารกลางยุโรปกำหนดไว้ แต่นักเศรษฐศาสตร์ก็ยังเชื่อว่า อีซีบีจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำเป็นประวัติการณ์ที่ 1% ต่อไปจนถึงปีหน้า เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาคยังคงอ่อนแอ
สำหรับสาเหตุที่ทำให้เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นนั้น ยูโรสแตทไม่ได้ระบุไว้ แต่นักวิเคราะห์เชื่อว่า เป็นเพราะราคาอาหารและพลังงานที่แพงขึ้น
ขณะเดียวกัน ยูโรสแตทได้เปิดเผยอัตราว่างงานเดือนมิถุนายนในยูโรโซนว่า ยังคงทรงตัวที่ 10% นับตั้งแต่เดือนมี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 12 ปี โดยสเปนเป็นประเทศในยูโรโซนที่มีอัตราว่างงานสูงสุดถึง 20% ขณะที่ออสเตรียมีอัตราว่างงานต่ำสุดที่ 3.9%
ทั้งนี้ 16 ประเทศที่ใช้เงินยูโรมีประชาชนว่างงานรวมกันทั้งสิ้น 15.77 ล้านคน และตัวเลขคนตกงานเพิ่มขึ้นเป็น 23.06 ล้านคน เมื่อรวมทั้ง 27 ชาติสมาชิกสหภาพยุโรป ซึ่งหมายรวมถึงประเทศที่ไม่ใช้เงินยูโร อาทิ อังกฤษ ขณะที่อัตราว่างงานในอียูอยู่ที่ 9.6% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนพ.ค.