"โอบามา"ปลื้มอุตสาหกรรมรถยนต์สหรัฐขยายตัวแข็งแกร่ง หลังรัฐอนุมัตงบช่วยเหลือ $8.6 หมื่นล้าน

ข่าวต่างประเทศ Saturday July 31, 2010 13:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐ กล่าวแสดงความเชื่อมั่นในระหว่างเดินทางเยี่ยมโรงงานของบริษัท ไครสเลอร์ ที่เมืองดีทรอยท์ ว่า การที่รัฐบาลตัดสินใจใช้มาตรการช่วยเหลืออุตสาหกรรมรถยนต์ถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพราะทำให้อุตสาหกรรมรถยนต์ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และการจ้างงานในอุตสาหกรรมก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วย

โอบามากล่าวว่า เมื่อครั้งที่เขาเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในช่วงต้นปี 2552 นั้น อุตสาหกรรมรถยนต์ของสหรัฐอยู่ในสภาวะที่วิกฤตมาก แต่หลังจากที่รัฐบาลอนุมัตมาตรการช่วยเหลืออุตสาหกรรมรถยนต์มูลค่า 8.6 หมื่นล้านดอลลาร์แล้ว อุตสาหกรรมก็ฟื้นตัวขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจนถึงขณะนี้

การแสดงความคิดเห็นของโอบามามีขึ้นหลังจากทำเนียบขาวเปิดเผยว่า อุตสาหกรรมรถยนต์สหรัฐเพิ่มการจ้างงาน 55,000 ตำแหน่งในไตรมาส 2 และคาดว่าบริษัทรถยนต์ในกลุ่มบิ๊กทรี ซึ่งได้แก่ จีเอ็ม ฟอร์ด และไครสเลอร์ จะเพิ่มการจ้างงานอีก 11,000 ตำแหน่งภายในปีนี้

ทำเนียบขาวระบุว่า อัตราการขยายตัวด้านการจ้างงานในอุตสาหกรรมรถยนต์สหรัฐขยายตัวแข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่ปี 2544 ซึ่งผิดกับเมื่อปี 2551 ที่อุตสาหกรรมรถยนต์เลย์ออฟพนักงานจำนวนมากถึง 400,000 ตำแหน่ง เพราะได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤตเศรษฐกิจ

โอบามากล่าวว่า การเติบโตของโรงงานรถยนต์ไครสเลอร์เป็นหนึ่งในหลักฐานที่บ่งชี้ว่า มาตรการช่วยเหลืออุตสาหกรรมรถยนต์ของรัฐบาลประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ขณะที่ค่ายรถยนต์กลุ่มบิ๊กทรีก็มีผลประกอบการที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน

ประชาชนชาวเมืองดีทรอยท์นับหมื่นคนได้ออกมายืนต่อกันเป็นแถวตลอดแนวถนนคอนเนอร์สตรีท เพื่อต้อนรับขบวนรถยนต์ของโอบามาที่มุ่งหน้าสู่โรงงานเจฟเฟอร์สัน นอร์ธ โดยสมาชิกสหภาพแรงงานรถยนต์แห่งสหรัฐ (UAW) ชูป้าย "UAW thanks you" เพื่อแสดงการต้อนรับขบวนรถของโอบามา

สำนักข่าวเกียวโดรายงานโดยอ้างการเปิดเผยของออโต้ดาต้า คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยด้านอุตสาหกรรมรถยนต์ในสหรัฐว่า ยอดขายรถยนต์ใหม่ในสหรัฐ ซึ่งรวมยอดขายของบริษัทผลิตรถยนต์ทุกแห่ง ปรับตัวเพิ่มขึ้น 19.1% ต่อปี สู่ระดับ 1,102,899 ในเดือนพ.ค. ทำสถิติเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 7 โดยจีเอ็มยังคงครองแชมป์ยอดขายอันดับ 1 ที่ 223,410 คัน พุ่งขึ้น 17.5% และฟอร์ด มอเตอร์ ทำยอดขายเป็นอันดับ 2 ที่ 192,012 คัน เพิ่มขึ้น 23.4%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ