นายยี่ กัง รองผู้อำนวยการสำนักปริวรรตเงินตราแห่งรัฐของจีน (SAFE) และรองผู้ว่าการธนาคารกลางจีน คาดการณ์ว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของจีนจะขยายตัวได้มากกว่า 9% ในปีนี้
โดยนายยี่กล่าวว่า จีดีพีในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ขยายตัวได้ดีถึง 11.1% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม นายยี่ได้แสดงความกังวลว่าเศรษฐกิจจีนอาจชะลอตัวลงในวันข้างหน้าหลังจากที่ทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่งติดต่อกันหลายเดือน และคาดว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจอาจถูกกดดันจากนโยบายปกป้องสิ่งแวดล้อม
"รัฐบาลจีนประกาศใช้นโยบายปกป้องสิ่งแวดล้อมอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน รวมถึงการปกป้องสิ่งแวดล้อมทางน้ำ อากาศ และการแพร่กระจายก๊าซคาร์บอน เนื่องจากรัฐบาลมีเป้าหมายที่จะผลักดันให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างมีคุณภาพ" นายยี่กล่าว
สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (NBS) รายงานว่า จีดีพีช่วงครึ่งปีแรกขยายตัวในอัตรา 11.1% เมื่อเทียบเป็นรายปี และมูลค่าจีดีพีช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่ 17.28 ล้านล้านหยวน หรือ 2.55 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่จีดีพีไตรมาส 2 ขยายตัว 10.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี ลดลงจากไตรมาสแรกที่ขยายตัว 11.9% เนื่องจากผลกระทบในเชิงบวกของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเริ่มลดน้อยลง
ภาวะชะลอตัวลงของเศรษฐกิจจีนอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกด้วย หากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทำให้ดีมานด์การนำเข้าสินแร่เหล็ก อุปกรณ์เครื่องใช้ในอุตสาหกรรม และสินค้าประเภทอื่น หดตัวลง
ทั้งนี้ แม้เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็วเนื่องจากรัฐบาลประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและธนาคารพาณิชย์เพิ่มปริมาณการปล่อยเงินกู้ แต่คณะผู้นำของจีนกังวลว่าสถานการณ์ดังกล่าวอาจทำให้ตัวเลขเงินเฟ้อพุ่งขึ้น และอาจทำให้ธนาคารพาณิชย์ที่บริหารงานโดยรัฐบาลจีนต้องประสบปัญหาเงินกู้หนี้เสีย หลังจากปล่อยเงินกู้จำนวนมากในปีที่แล้ว สำนักข่าวซินหัวรายงาน