ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (เอดีบี) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจในกลุ่มประเทศแปซิฟิกมีแนวโน้มขยายตัวที่ระดับ 4.3% ในปีนี้ แต่ปัญหาเงินเฟ้อที่เกิดจากราคาเชื้อเพลิงและบริการด้านสาธารณูปโภคพื้นฐานที่สูงขึ้นยังคงเป็นประเด็นที่น่าเป็นห่วง
นอกจากนี้ เอดีบีคาดว่าหากไม่นับรวมประเทศติมอร์ตะวันออก และปาปัวนิวกินี เศรษฐกิจใน 12 ประเทศของหมู่เกาะแปซิฟิกจะขยายตัวในระดับเดิมที่ 0.5% ขณะเดียวกันก็ได้ปรับลดคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจในหมู่เกาะคุก คิริบาส นาอูรู ตองกา และวานูอาตู เนื่องจากการขยายตัวด้านการท่องเที่ยวนอกหมู่เกาะฟิจิซบเซาหนักเกินคาด
ขณะที่ตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของติมอร์ตะวันออกในปีที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 6 - 8% เป็น 12.2% จากปัจจัยหนุนด้านการใช้จ่ายของรัฐบาลที่ขยายตัวต่อเนื่องรวมถึงผลผลิตทางการเกษตรที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น
สำหรับบรรยากาศการท่องเที่ยวในหมู่เกาะซามัว ตองกา และวานูอาตูเริ่มซบเซาลง เนื่องจากหมู่เกาะฟิจิเริ่มกลับมาชิงส่วนแบ่งตลาดท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี โดยรวมแล้ว ยอดนักท่องเที่ยวจากออสเตรเลียที่เดินทางไปยังหมู่เกาะแปซิฟิกขยายตัวที่ระดับ 27% ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2552 โดยเฉพาะการท่องเที่ยวในหมู่เกาะฟิจิทะยานขึ้นแข็งแกร่งที่ 49%
นอกจากนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวจากนิวซีแลนด์ที่เดินทางไปยังประเทศแปซิฟิกปรับตัวเพิ่มขึ้นราว 9% ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ ขณะที่ยอดนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นที่เดินทางไปยังแถบโอเชียเนียและกลุ่มประเทศแปซิฟิกเหนือขยายตัวดีขึ้น หลังจากที่เผชิญภาวะซบเซาในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม อัตราเงินเฟ้อในกลุ่มประเทศแปซิฟิกยังปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยไต่ระดับขึ้นแตะที่ 6.6% ในเดือนมิ.ย. โดยเฉพาะราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นอย่างผันผวน ทำให้กลุ่มประเทศในภูมิภาคนี้มีค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงสูงกว่าภูมิภาคอื่นๆ