นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน กล่าวถึงการลงนามในบันทึกความเข้าใจ(เอ็มโอยู) ให้บริษัท จีอี เป็นผู้จัดหากังหันลม ที่มีกำลังการผลิต 2.5 เมกะวัตต์ จำนวน 36 ตัว ใช้เงินลงทุนประมาณ 6,000 ล้านบาท มาติดตั้งที่โรงไฟฟ้ากังหันลม "เทพสถิต วินด์ฟาร์ม" ที่จังหวัดชัยภูมิ
ขณะเดียวกันจีอี ก็อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้เกี่ยวกับการลงทุนด้วยหุ้นในโครงการดังกล่าว ซึ่งโครงการนี้ถือเป็นหนึ่งในโรงไฟฟ้ากังหันลมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศ
กระทรวงพลังงานมีแผนว่าในปี 15 ปีนี้ จะต้องรับซื้อไฟฟ้าพลังงานลมให้ได้ 800 เมกะวัตต์ พลังงานแสงอาทิตย์โซลาร์เซลล์ 500 เมกะวัตต์ และไฟฟ้าพลังน้ำ 300 เมกะวัตต์ แต่ในขณะนี้กลับพว่าเอกชนมีความสนใจที่จะเข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมาก โดยมีผู้เสนอผลิตไฟฟ้าพลังงานลมสูงถึง 1,400 เมกะวัตต์ พลังงานแสงอาทิตย์ 2,900 เมกะวัตต์ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลจะรับซื้อทั้งหมด แต่จะพิจารณารับซื้อในบางส่วน เนื่องจากการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม ถ้ามีกำลังผลิต 100 เมกะวัตต์จะสามารถผลิตจริงได้ประมาณ 25% เนื่องจากประเทศไทยยังมีแรงลมเป็นบางช่วงเวลานั้น และบางฤดูกาลเท่านั้น
ด้านนายโกวิทย์ คันธาภัสระ คันทรี่ เอ็กเซ็กคูทีฟ จีอี เอเนอร์ยี ประจำประเทศไทยและภาคพื้นอินโดจีน กล่าวว่า จีอี ได้ร่วมกับ บริษัท โปร เวนทุม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งเป็นผู้พัฒนาพลังงานไฟฟ้าด้วยพลังงานลม จากประเทศเยอรมนี เพื่อก่อสร้างโรงไฟฟ้ากังหันลม ขนาด 90 เมกะวัตต์ โดยคาดว่าจะใช้เวลาศึกษาและเก็บข้อมูลเกี่ยวกับพลังงานลมในพื้นที่อีกระยะหนึ่ง และคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างโรงไฟฟ้าได้ประมาณปลายไตรมาส 2 หรือต้นไตรมาส 3 ปี 2554 และคาดว่าจะก่อสร้างเสร็จทั้งหมดภายในปลายปี 2555
ทั้งนี้ คาดว่าเมื่อก่อสร้างเสร็จสามารถขายไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์ได้ ก็จะมีรายได้ประมาณปีละ 1,200 ล้านบาท ในช่วง 10 ปีแรก ที่ได้ส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (แอดเดอร์) 3.50 บาทต่อหน่วย หลังจากนั้นคาดว่ารายได้จะน้อยลง เพราะไม่ได้รับแอดเดอร์
สำหรับโครงการนี้คาดว่าทางจีอี กับ โปร เวนทุม จะถือหุ้นร่วมกันในสัดส่วน 50% และอีก 50% จะเป็นผู้ถือหุ้นชาวไทย ซึ่งยังไม่สามารถเปิดเผยได้ ส่วนเงินลงทุนในโครงการคาดว่าประมาณ 30-35% จะเป็นเงินส่วนของผู้ถือหุ้น ที่เหลือจะเป็นเงินกู้ ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มเจรจากับสถาบันการเงินแล้ว