ออโต้ดาต้า คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยด้านอุตสาหกรรมรถยนต์ในสหรัฐเปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดขายรถยนต์ใหม่ในสหรัฐ ซึ่งรวมยอดขายของบริษัทผลิตรถยนต์ทุกแห่ง ปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.2% ในเดือนก.ค. สู่ระดับ 1,050,101 คัน ทำสถิติเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 9 บ่งชี้ว่าตลาดรถยนต์ของสหรัฐยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง
ยอดขายรถยนต์ใหม่ในสหรัฐของค่ายโตโยต้า มอเตอร์ ลดลง 3.2% ในเดือนก.ค. มาอยู่ที่ระดับ 169,224 คัน หลังจากดีดตัวขึ้น 6.8% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งสวนทางกับค่ายรถยนต์กลุ่มบิ๊กทรี คือ เจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) ฟอร์ด มอเตอร์ และไครสเลอร์ ที่มียอดขายเพิ่มขึ้น
โดยยอดขายรถยนต์ใหม่ในสหรัฐของจีเอ็ม เพิ่มขึ้น 6.4% สู่ระดับ 199,602 คัน ซึ่งยังคงครองแชมป์ค่ายรถยนต์ที่มียอดขายอันดับหนึ่ง ขณะที่ยอดขายของฟอร์ด มอเตอร์ เพิ่มขึ้น 4.8% สู่ระดับ 165,889 คัน และยอดขายของไครสเลอร์เพิ่มขึ้น 5.0% สู่ระดับ 93,313 คัน
หากคำนวณยอดขายรถยนต์ในกลุ่มบิ๊กทรีรวมกันพบว่า ยอดขายเพิ่มขึ้น 5.5% สู่ระดับ 458,804 คัน ทำให้กลุ่มบิ๊กทรีกวาดส่วนแบ่งตลาดรถยนต์ในสหรัฐได้ถึง 43.7% ในเดือนก.ค. เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่ระดับ 43.6%
ทั้งนี้ ส่วนแบ่งตลาดของจีเอ็มในสหรัฐอยู่ที่ระดับ 19.0% ขณะที่ส่วนแบ่งตลาดของฟอร์ดอยู่ที่ 15.8% แต่ยังน้อยว่าโตโยต้าที่มีส่วนแบ่งในตลาดรถยนต์สหรัฐสูงถึง 16.1% ในเดือนก.ค.
สำหรับค่ายรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นนั้น ฮอนด้า มอเตอร์ มียอดขายในสหรัฐลดลง 2.0% มาอยู่ที่ระดับ 112,437 คัน ขณะที่ยอดขายของนิสสัน มอเตอร์ เพิ่มขึ้น 14.6% สู่ระดับ 82,337 คัน ยอดขายของฟูจิ เฮฟวี่ อินดัสทรีส์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ซูบารุ เพิ่มขึ้น 9.8% สู่ระดับ 23,983 คัน ยอดขายของมาสด้า มอเตอร์ เพิ่มขึ้น 8.9% สู่ระดับ 20,732 คัน ยอดขายของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส เพิ่มขึ้น 16.5% สู่ระดับ 5,648 คัน และยอดขายของซูซูกิ มอเตอร์ คอร์ป ดิ่งลง 44.3% มาอยู่ที่ระดับ 1,952 คัน
ประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐ กล่าวว่า การที่รัฐบาลตัดสินใจใช้มาตรการช่วยเหลืออุตสาหกรรมรถยนต์ถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพราะทำให้อุตสาหกรรมรถยนต์ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และการจ้างงานในอุตสาหกรรมก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วย
การแสดงความคิดเห็นของโอบามามีขึ้นหลังจากทำเนียบขาวเปิดเผยว่า อุตสาหกรรมรถยนต์สหรัฐเพิ่มการจ้างงาน 55,000 ตำแหน่งในไตรมาส 2 และคาดว่าบริษัทรถยนต์ในกลุ่มบิ๊กทรี ซึ่งได้แก่ จีเอ็ม ฟอร์ด และไครสเลอร์ จะเพิ่มการจ้างงานอีก 11,000 ตำแหน่งภายในปีนี้ สำนักข่าวเกียวโดรายงาน