ยอดเกินดุลการค้าของออสเตรเลียพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนมิ.ย. เนื่องจากอุปสงค์จากจีนช่วยกระตุ้นยอดส่งออกถ่านหินและสินแร่เหล็ก ขณะที่ยอดนำเข้าสินค้าของออสเตรเลียอยู่ในภาวะซบเซาจากผลกระทบของการใช้จ่ายภายในประเทศที่ชะลอตัว
สำนักงานสถิติของออสเตรเลียเปิดเผยว่า ออสเตรเลียมียอดส่งออกสินค้าสูงกว่ายอดนำเข้าอยู่ 3.54 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (3.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้เกือบสองเท่า
การส่งออกของออสเตรเลียในเดือนมิ.ย.ขยายตัวขึ้น 7% แตะที่ 2.67 หมื่นล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย โดยยอดส่งออกสินแร่โลหะ ซึ่งรวมถึงเหล็ก ทะยานขึ้น 23% และยอดส่งออกถ่านหินขยายตัว 15% ส่งผลให้ออสเตรเลียมียอดเกินดุลการค้าสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2514 และทำสถิติมียอดเกินดุลขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ยอดเกินดุลการค้าดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า เศรษฐกิจของออสเตรเลียเป็นแบบ two-speed กล่าวคือ อุปสงค์ภายในประเทศเริ่มชะลอตัวลง สวนทางกับบริษัทในภาคอุตสาหกรรมเหมืองแร่ที่มียอดขายพุ่งขึ้น ซึ่งการขยายตัวของภาคการส่งออกอาจสร้างแรงกดดันต่ออัตราเงินเฟ้อ เนื่องจากเจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายได้อาจตัดสินใจที่ขยายเวลาการตรึงดอกเบี้ยออกไปอีก
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์กล่าวว่า ภาคอุตสาหกรรมที่มีความอ่อนไหวต่อการปรับอัตราดอกเบี้ยยังกระจายตัวอยู่ แต่ปัจจัยภายนอกยังมีความแข็งแกร่ง ซึ่งหมายความว่ารายได้ในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ จะยังขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งบางครั้งอาจทำให้เกิดแรงกดดันด้านกำลังการผลิตรวมไปถึงอัตราเงินเฟ้อ