สำนักงานสถิติของสหภาพยุโรป หรือ ยูโรสแตท เปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย. ในกลุ่มประเทศที่ใช้เงินยูโร 16 ประเทศ ไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดือนก่อน ซึ่งเป็นไปตามคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ และสะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคยังคงลังเลในการใช้จ่ายเงิน แม้ว่าวิกฤตหนี้สาธารณะในภูมิภาคจะเริ่มคลี่คลายลงแล้วก็ตาม
เมื่อเทียบเป็นรายเดือน ยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย.ในยูโรโซนไม่เพิ่มขึ้นจากเดือนพ.ค. ซึ่งในเดือนนั้น ยอดค้าปลีกขยายตัว 0.4% ขณะที่เมื่อเทียบเป็นรายปี ยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย. ขยายตัว 0.4% หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนพ.ค.
สำหรับยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย.ในกลุ่มอียูทั้ง 27 ประเทศ ปรับตัวขึ้น 0.1% จากเดือนก่อน และเพิ่มขึ้น 0.5% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
โดยเยอรมนี ซึ่งเป็นประเทศเศรษฐกิจใหญ่สุดในยุโรป มียอดค้าปลีกลดลง 0.9% ในเดือนมิ.ย. ขณะที่ยอดค้าปลีกของฝรั่งเศส ซึ่งมีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองในภูมิภาค ร่วงลง 1.3% ส่วนสเปนเพิ่มขึ้น 1.1% และเบลเยียมเพิ่มขึ้น 1.6%
ทั้งนี้ ผู้บริโภคในยุโรปลังเลที่จะเพิ่มการจับจ่ายใช้สอย เนื่องจากหลายบริษัทยังคงลดค่าแรงและลดการจ้างงานเพื่อพยุงผลกำไรของบริษัท โดยอัตราว่างงานในภูมิภาคยังอยู่ในระดับสูงที่ 10% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 12 เดือน