นายชูเกียรติ โอกาสวง นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่า ช่วงเกือบ 7 เดือนแรกของปี 53 (ม.ค.-23 ก.ค.53) ไทยส่งออกข้าวไปแล้วประมาณ 4 ล้านตัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ส่งออกได้ประมาณ 7 ล้านตัน ซึ่งยอดส่งออกในช่วงที่ผ่านมาของปีนี้ถือว่าใกล้เคียงกับเวียดนามมาก
"ช่วง 7 เดือนแรกปีนี้ไทยส่งออกข้าวลดลงมาประมาณ 8% เป็นผลมาจากเราส่งออกได้น้อย เพราะว่าเรื่องของการแข่งขันกับเวียดนามซึ่งเป็นคู่แข่งหลักของการส่งออกข้าว สังเกตได้ว่าตัวเลขของเวียดนามแม้จะตกลงมาบ้างแต่ก็ตกลงมานิดเดียว ถือว่ายังเป็นปริมาณการส่งออกที่มาก เพราะเรากับเวียดนามตอนนี้ Gap ห่างกันอยู่ 5 แสนตันเอง ถือว่าแคบมาก มีความใกล้เคียงกันมาก"นายชูเกียรติ กล่าว
นายชูเกียรติ กล่าวว่า ตัวเลขการส่งออกข้าว 7 เดือนแรกของเวียดนามไม่ได้ตกลง แต่ของไทยลดลง ส่วนหนึ่งมาจากราคาเป็นหลัก เพราะราคาส่งออกข้าวของเราแพงกว่า ประกอบกับการค้าข้าวของโลกหดตัว เพราะประชากรของโลกโดยเฉพาะในแถบแอฟริกาซึ่งเป็นตลาดหลักของการส่งออกข้าวหันไปบริโภคอย่างอื่นที่มีราคาถูกกว่า เช่น ข้าวโพด ข้าวสาลี เป็นผลทำให้ดีมานด์ความต้องการข้าวหายไป
ปัจจุบัน ราคาข้าวหอมมะลิไทยอยู่ที่ 950 เหรียญสหรัฐ/ตัน ข้าวหอมมะลิเวียดนามราคาอยู่ที่ประมาณ 550 เหรียญสหรัฐ/ตัน ขณะที่ราคาข้าวสาลีตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 220 เหรียญสหรัฐ/ตัน ขยับขึ้นมาจาก 200 เหรียญหสรัฐ/ตันในเดือนที่แล้ว
นายชูเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้การส่งออกข้าวเรากับเวียดนามสูสีกันมาก แม้ว่าตัวเลขการส่งออกปีนี้เราน่าจะยังทำได้ตามเป้าหมาย 8.5 ล้านตัน ส่วนเวียดนามน่าจะยังได้ใกล้เคียงกับปีที่แล้วที่ 6.1-6.2 ล้านตัน แต่น่าเป็นห่วงในช่วงอีก 3 ปีข้างหน้าหากราคาข้าวไทยยังแพงมากแบบนี้
"เรายังมั่นใจว่าปีนี้เราน่าจะยังส่งออกได้ 8.5 ล้านตันก็ได้ ถ้าราคาพืชผลอื่นๆแพงมากแล้วคนกลับมาบริโภคข้าวมากขึ้น เพราะตอนนี้เวียดนามก็เริ่มส่งออกตื้อๆแล้ว เพราะเป้าส่งออกเวียดนามประมาณ 6 ล้านตัน ตอนนี้ทำได้ 4 ล้านตันแล้ว และข้าวของเวียดนามก็ใกล้จะหมดแล้ว ซึ่งปกติช่วงที่เวียดนาม Slow เราก็จะมา Pick up เพราะฉะนั้นช่วงที่เหลือก็อาจจะยังเป็นโอกาสของไทยอยู่ เพราะเวลาข้าวในสต็อกของเราก็ยังมีอยู่ทั้งสต็อกรัฐและสต็อกของโรงสี มีอยู่ทั้งหมดราวๆ 10 กว่าล้านตัน"นายชูเกียรติ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่น่าจับตามองนับจากนี้คือเวียดนามได้รับความร่วมมือจากกัมพูชาในการปลูกข้าวเพื่อส่งออกไปเวียดนามเพื่อใช้บริโภคในประเทศ ส่วนผลผลิตข้าวที่ปลูกได้ในประเทศเวียดนามสามารถส่งออกทั้งหมด
ส่วนปัญหาเรื่องเงินบาทแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง ยอมรับว่าทำอะไรไม่ได้ เพราะเป็นปัจจัยภายนอกที่เกิดจากภาวะเศรษฐกิจทางฝั่งยุโรป อีกทั้งการที่เวียดนามควบคุมค่าเงินดองไม่ให้แข็งค่ามากถือเป็นการช่วยเหลือผู้ส่งออกด้วยอีกทางหนึ่ง
ด้านนายชาญชัย รักษ์ธนานนท์ นายกสมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวว่า ปัญหาของโรงสีตอนนี้คือผลผลิตไม่พอสี ทั้งจากภัยแล้ง ไม่มีน้ำทำนา และเพลี้ย ถึงกระทรวงเกษตรจะให้เริ่มทำนาได้เดือน ส.ค.แต่กว่าจะได้ผลผลิตอีกนาน เพราะผลผลิตก่อนหน้านี้เสียหายมาก ผลผลิตต่อไร่หายไปประมาณ 50-60%
เป้าหมายประมาณการอยู่ที่ 32 ล้านตัน แต่เก็บเกี่ยวจริงๆน่าจะอยู่ที่ 28 ล้านตัน และข้าวในโรงสีต้นปีอยู่ที่ 3 ล้านตัน ขายไปประมาณ 70-80% ตอนนี้เหลือไม่ถึง 1 ล้านตัน ขณะที่ข้าวในสต็อกของรัฐบาลก็ไม่สามารถนำออกมาขายได้ทั้งหมด ต้องเก็บไว้ใช้ในยามจำเป็นไม่ให้เกิดปัญหาขาดแคลนต่อการบริโภคในประเทศ