นักวิเคราะห์คาดรัสเซียแบนส่งออกธัญพืชจะเป็นประโยชน์ต่อสหรัฐ หนุนราคาตลาดโลกพุ่ง

นักวิเคราะห์จาก CWA Global Markets คาดการณ์ว่า การที่นายวลาดิเมียร์ ปูติน นายกรัฐมนตรีรัสเซีย มีคำสั่งห้ามส่งออกธัญพืชอันเนื่องมาจากสภาพอากาศที่แห้งแล้งภายในประเทศนั้น ส่งผลให้เกิดกระแสความวิตกกังวลว่าอาจทำให้รัฐบาลยูเครน และคาซัคสถาน ตัดสินใจดำเนินตาม และจะส่งผลให้ราคาธัญพืชในตลาดล่วงหน้าพุ่งขึ้นแตะระดับ 10 ดอลลาร์/บุชเชล ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการณ์อาหารทั่วโลกในปี 2551

นอกจากนี้ นักวิเคราะห์จาก CWA Global Markets เชื่อว่า มีความเป็นไปได้ที่จะมีประเทศอื่นๆตัดสินใจควบคุมการส่งออกธัญพืช และผู้ที่จะได้ประโยชน์สูงสุดจากสถานการณ์ดังกล่าวคือเกษตรกรของสหรัฐ เนื่องจากสหรัฐมีอุปทานธัญพืชสูงพอที่จะรองรับความต้องการของตลาดทั่วโลก ซึ่งสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์จาก Gartman Letter เชื่อว่า การตัดสินใจห้ามส่งออกธัญพืชของรัฐบาลรัสเซียจะทำให้กลุ่มเกษตรกรของสหรัฐได้ประโยชน์จากราคาข้าวสาลีที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง

ขณะที่ฮุสเซน อัลลิดินา นักวิเคราะห์จากมอร์แกน สแตนลีย์ กล่าวว่า ราคาข้าวสาลีในตลาดโลกอยู่ในระดับที่สูงเกินไป และคาดว่าประเทศอื่นๆที่ผลิตข้าวสาลีอาจพากันจำกัดเพดานการส่งออก โดยมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นราคาให้สูงขึ้น แม้สต็อกข้าวสาลีมีอยู่เป็นจำนวนมากก็ตาม

สัญญาข้าวสาลีที่ตลาด CBOT (Chicago Board of Trade) ทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 23 เดือนเมื่อคืนนี้ (5 ส.ค.) หลังจากปูตินออกคำสั่งห้ามส่งออกธัญพืชชั่วคราว เนื่องจากภัยแล้งที่เกิดขึ้นในประเทศ นอกจากนี้ ปูตินยังได้ตัดสินใจจัดสรรงบประมาณ 3.5 หมื่นล้านรูเบิล หรือประมาณ 1.17 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้แก่เกษตรกรที่กำลังประสบกับปัญหาภัยแล้ง โดย 1 หมื่นล้านรูเบิล หรือ 335 ล้านดอลลาร์สหรํฐ จะเป็นเงินให้เปล่าแก่เกษตรกรโดยไม่ต้องจ่ายคืน ส่วนที่เหลือเป็นการให้สินเชื่อพิเศษภายใต้สัญญา 3 ปี

ราคาข้าวสาลีปรับตัวขึ้นสองเท่าภายในระยะเวลาไม่ถึง 2 เดือน เนื่องจากสภาวะคลื่นร้อนในรัสเซียซึ่งเป็นผู้ปลูกข้าวสาลีรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก รวมทั้งสภาพอากาศแห้งแล้งในคาซัคสถาน ยูเครน และสหภาพยุโรป และอุทักภัยในแคนาดาที่สร้างความเสียหายต่อพืชผลทางการเกษตร โดยสำนักงานอุตุนิมยมรัสเซียระบุว่า ปัญหาภัยแล้งในรัสเซียกำลังสร้างความเสียหายต่อการเพาะปลูกธัญพืชในฤดูหนาว

Allendale Inc ซึ่งเป็นโบรกเกอร์และบริษัทที่ปรึกษาด้านการตลาดเกษตรกรรม คาดการณ์ว่า กระทรวงเกษตรสหรัฐอาจปรับลดการประมาณการสต็อกข้าวสาลีทั่วประเทศในช่วงปลายปี 2553 - 2554 ลง 12% มาอยู่ที่ระดับ 964 ล้านบุชเชล จากการประมาณการครั้งก่อนที่ 1.093 พันล้านบุชเชล เนื่องจากกลุ่มผู้ส่งออกได้เพิ่มปริมาณการส่งออกข้าวสาลีไปยังประเทศต่างอื่นๆ

สภาธัญพืชระหว่างประเทศเปิดเผยว่า สต็อกข้าวสาลีทั่วโลกอาจหดตัวลง 2.5% เนื่องจากสภาพอากาศแห้งแล้งได้ส่งผลกระทบต่อการผลิตธัญพืชในรัสเซีย คาซัคสถาน และสหภาพยุโรป