นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลพร้อมที่จะลงทุนเพื่อพัฒนาระบบรางใน 3 เรื่องหลัก ประกอบด้วย การปรับปรุงและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบราง เพื่อให้การเดินทางเป็นไปโดยสะดวกและรวดเร็ว การปรับปรุงพัฒนาหัวรถจักร และ การปรับปรุงระบบความปลอดภัย โดยรัฐบาลเทงบลงทุนใน 3 ด้านดังกล่าวกว่า 170,000 ล้านบาท
โดยเมื่อดำเนินการแล้วเสร็จเชื่อว่าจะช่วยเพิ่มความเร็วของรถไฟได้มากขึ้นอีก 1 เท่าตัว จากเดิมที่ความเร็วเฉลี่ยรถไฟอยู่ที่ประมาณ 50-60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก็จะเพิ่มขึ้นเป็น 100-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
และการจัดทำเครื่องกั้นรางรถไฟอัตโนมัติ ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่การรถไฟแห่งประเทศไทยและกระทรวงคมนาคมได้ดำเนินการแล้ว ซึ่งระบบดังกล่าวจะมีประมาณ 2,000 จุดทั่วประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องความปลอดภัยในจุดตัดทางรถไฟทั่วประเทศ
นอกจากนี้ รัฐบาลจะเดินหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงใน 4 เส้นทาง กรุงเทพ-หนองคาย,กรุงเทพ-ระยอง,กรุงเทพ-เชียงใหม่ และกรุงเทพ-ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งขณะนี้รัฐบาลกำลังแสวงหาความร่วมมือกับประเทศจีน เพื่อพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงดังกล่าว
ในวันนี้นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธีเปิดใช้เครื่องกั้นถนนอัตโนมัติ อย่างเป็นทางการ บริเวณที่หยุดรถสวนสนประดิพัทธ์ และสถานีรถไฟหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยมีนายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม คณะผู้บริหารการรถไฟแห่งประเทศไทย ให้การต้อนรับ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมาเกิดอุบัติเหตุทางรถไฟบ่อยครั้งซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้โดยสาร ทั้งที่ระบบรางควรเป็นระบบขนส่งหลักของประเทศที่สะดวก ปลอดภัยและประหยัดพลังงาน แต่ที่ผ่านมาการพัฒนาระบบรถไฟเป็นไปอย่างยากลำบาก เพราะต้องใช้งบประมาณสูง และยังไม่มีการส่งเสริมการใช้ระบบรางอย่างจริงจัง แต่ในรัฐบาลชุดนี้ ยืนยันชัดเจนว่า จะส่งเสริมการพัฒนาระบบรางให้เป็นระบบขนส่งหลัก โดยมีการวางแผนการใช้งบประมาณ การใช้งบกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อปรับปรุงระบบรางทั่วประเทศอย่างเร่งด่วน ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสารและเชื่อมโยงการเดินทางระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน