ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์พุ่งเทียบสกุลหลักๆ ขณะนักลงทุนจับตาการประชุม FED

ข่าวต่างประเทศ Tuesday August 10, 2010 07:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (9 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อสกุลเงินดอลลาร์ก่อนที่การประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะมีขึ้นในคืนวันอังคารที่ 10 ส.ค.ตามเวลาประเทศไทย โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าเฟดจะประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ ขณะที่ค่าเงินยูโรร่วงลงหลังจากธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์

ค่าเงินยูโรร่วงลง 0.43% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3225 ดอลลาร์ จากระดับของวันศุกร์ที่ 6 ส.ค.ที่ผ่านมาที่ 1.3282 ดอลลาร์ และเงินปอนด์ร่วงลง 0.26% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.5903 ดอลลาร์ จากระดับ 1.5945 ดอลลาร์

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.44% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 85.870 เยน จากระดับของวันศุกร์ที่ 85.490 เยน และดีดขึ้น 0.92% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.0484 ฟรังค์ จากระดับ 1.0388 ฟรังค์

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียดิ่งลง 0.20% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.9162 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันศุกร์ที่ 0.9180 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 0.63% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7284 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7330 ดอลลาร์สหรัฐ

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์ก่อนที่การประชุมเฟดจะเริ่มขึ้นในคืนวันอังคารที่ 10 ส.ค. โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed fund rate) ไว้ที่ 0 - 0.25% และอาจจะใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนปรนเพิ่มเติม หลังจากรายงาน Beige Book หรือรายงานสำรวจภาวะเศรษฐกิจจากเฟดทั้ง 12 เขตในสหรัฐครั้งล่าสุดบ่งชี้ว่า อัตราการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในหลายภูมิภาคเป็นไปอย่างล่าช้า

ขณะที่ค่าเงินยูโรร่วงลงหลังจากธนาคารกลางยุโรปตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ 1% รวมทั้งคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ 1.75% และคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากข้ามคืนที่ 0.25%

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงข้อมูลสต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนมิ.ย. ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนมิ.ย. งบประมาณของรัฐบาลกลางเดือนก.ค. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และยอดค้าปลีกเดือนก.ค.

เบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟดกล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจที่เปราะบางอยู่ในขณะนี้ทำให้รัฐบาลสหรัฐจำเป็นต้องใช้มาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายต่อไปอีกระยะหนึ่ง เพื่อพยุงเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวและปรับลดอัตราว่างงาน พร้อมกับเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติกำหนดแผนการลดยอดขาดดุลงบประมาณในระยะยาว ซึ่งปัจจุบันตัวเลขดังกล่าวยืนอยู่ที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แต่รัฐบาลยังไม่ควรถอนมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายหรือขึ้นภาษีในระยะใกล้นี้

นอกจากนี้ เบอร์นันเก้กล่าวว่า เฟดพร้อมที่ใช้มาตรการใหม่ๆเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ หากมีข้อมูลบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะถดถอย พร้อมกับแสดงท่าทีเห็นด้วยกับการขยายเวลาการใช้นโยบายลดหย่อนภาษีที่ริเริ่มโดยอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช ซึ่งนโยบายดังกล่าวจะหมดอายุลงในปลายปีนี้

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจในฝั่งยุโรปนั้น สำนักงานสถิติเยอรมนีเปิดเผยว่า ยอดส่งออกเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้น 3.8% ซึ่งเป็นสถิติที่ขยายตัวเร็วกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกช่วยหนุนเศรษฐกิจเยอรมนีที่ต้องพึ่งพาการส่งออกนั้น ให้ขยายตัวเร็วขึ้น

ขณะที่ธนาคารกลางฝรั่งเศสคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจภายในประเทศจะขยายตัว 0.3% ในไตรมาส 3 เพราะได้แรงหนุนจากการผลผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ฟื้นตัวขึ้น และคาดว่าดัชนีความเชื่อมั่นในภาคการผลิตจะอยู่ที่ระดับ 101 จุดในเดือนก.ค. ซึ่งทรงตัวจากเมื่อ 2 เดือนก่อนหน้านั้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ