ตลาดวอลล์สตรีทจับตาประชุม FED คืนนี้ นักวิเคราะห์คาดเฟดอาจใช้ยาแรงกระตุ้นศก.หลังตัวเลขจ้างงานทรุด

ข่าวต่างประเทศ Tuesday August 10, 2010 14:08 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ตลาดวอลล์สตรีทจับตาดูการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในคืนนี้ (10 ส.ค.) ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) จะประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ในการประชุมคืนนี้ (10 ส.ค.) ตามเวลาประเทศไทย ซึ่งอาจรวมถึงการลดสัดส่วนสำรองสภาพคล่องที่ธนาคารพาณิชย์จะต้องสำรองไว้กับเฟด

นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่า แรงผลักดันล่าสุดที่อาจทำให้คณะกรรมการเฟดตัดสินใจใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่มาจากรายงานที่ระบุว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนก.ค.ของสหรัฐ ร่วงลง 131,000 อัตรา และอัตราว่างงานเดือนก.ค.ยืนอยู่ที่ระดับ 9.5% ขณะที่ภาคเอกชนเพิ่มการจ้างงานเพียง 71,000 อัตราในเดือนก.ค. ซึ่งน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งเป็นหลักฐานล่าสุดที่บ่งชี้ว่าตลาดแรงงานอยู่ในภาวะซบเซา

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์กล่าวว่า เฟดมีทางเลือกมากมายที่จะยับยั้งเศรษฐกิจไม่ให้เผชิญกับภาวะถดถอยครั้งใหญ่ ซึ่งหนึ่งในนั้นได้แก่การคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับต่ำเอาไว้จนกว่านโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำจะช่วยผ่อนคลายภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อ รวมถึงการใช้วิธีการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงินผ่านการเข้าซื้อตราสารหนี้ของรัฐบาล ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยระยะยาวปรับตัวลดลง เพื่อกระตุ้นเม็ดเงินในระบบให้ไหลเวียนดีขึ้น

การดำเนินการทั้งสองขั้นตอนจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับตลาดว่า การกู้ยืมเงินในอัตราดอกเบี้ยต่ำจะดำเนินต่อไปในระยะเวลาที่ยาวนานขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนมีความเชื่อมั่นในการจับจ่ายใช้สอย อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์จากเอ็มเอฟ โกลบอลไม่มั่นใจว่า การดำเนินการดังกล่าวจะส่งผลต่อเศรษฐกิจมากน้อยเพียงใด เพราะปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐอยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์และไม่ได้ช่วยกระตุ้นกำลังซื้อแต่อย่างใด

นักวิเคราะห์บางกลุ่มคาดว่า เฟดอาจจะใช้ยาแรงขึ้นด้วยการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบเดียวกับในช่วงที่เกิดวิกฤตการณ์การเงิน ซึ่งรวมถึงการเข้าซื้อตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยรองรับ (MBS) และตราสารหนี้ของรัฐบาลในปริมาณมาก อย่างไรก็ตาม การดำเนินการดังกล่าวอาจทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจ และอาจกระตุ้นให้เกิดแรงขายในตลาดหุ้นนิวยอร์ก ซึ่งจะยิ่งส่งผลให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและภาคธุรกิจถูกสั่นคลอนหนักขึ้น

ในปี 2552 จนถึงต้นปี 2553 เฟดได้เข้าซื้อตราสาร MBS ไปแล้วทั้งสิ้น 1.25 ล้านล้านดอลลาร์ อีกทั้งเข้าซื้อตราสารหนี้ที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันของแฟนนี เม และ เฟรดดี แมค ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่จัดหาสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยภายใต้การสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐ (GSE) เป็นเงินมูลค่า 1.75 แสนล้านดอลลาร์ และซื้อตราสารหนี้ของรัฐบาลมูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์

นักวิเคราะห์คาดว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed fund rate) ไว้ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0 - 0.25% ในการประชุมคืนนี้ และให้คำมั่นสัญญาว่าจะคงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง ซึ่งเท่ากับว่า ดอกเบี้ยบัตรเครดิต ดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อซื้อบ้าน และดอกเบี้ยสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคในสหรัฐ จะยืนอยู่ที่ระดับต่ำต่อไป โดยปัจจุบัน อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดีของธนาคารพาณิชย์ในสหรัฐยืนอยู่ที่ 3.25% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบหลายสิบปี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ