FED มีมติคงดอกเบี้ย 0-0.25% พร้อมประกาศซื้อพันธบัตรรัฐบาลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

ข่าวต่างประเทศ Wednesday August 11, 2010 06:18 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

คณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เอฟโอเอ็มซี) มีมติด้วยคะแนนเสียง 9 ต่อ 1 ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) ไว้ที่ระดับ 0 - 0.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ (10 ส.ค.) ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ พร้อมกับให้คำมั่นสัญญาว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง และประกาศว่าจะเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลเพื่อกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมว่า "ผลผลิตทางเศรษฐกิจและตัวเลขจ้างงานชะลอตัวลงในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา และคาดว่าในระยะใกล้นี้ เศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวในระดับต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ ส่วนตัวเลขการใช้จ่ายภาคครัวเรือนนั้น แม้ว่าเริ่มฟื้นตัวขึ้น แต่ก็ถูกจำกัดจากอัตราว่างงานที่ยังเคลื่อนไหวในระดับสูงและภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อ"

"ส่วนอัตราการนำทรัพยากรมาใช้ยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำมาก จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ตัวเลขเงินเฟ้ออยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวเป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้คณะกรรมการเฟดตัดสินใจตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง" เฟดระบุในแถลงการณ์

ในการประชุมครั้งนี้ คณะกรรมการเฟดได้มีมติเห็นชอบให้ใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขั้นต้น ด้วยการวางแผนว่าจะนำรายได้จากตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยรองรับ (MBS) และตราสารที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันของแฟนนี เม และ เฟรดดี แมค ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่จัดหาสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยภายใต้การสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐ (GSE) ซึ่งครบกำหนดไถ่ถอนแล้วนั้น ไปซื้อพันธบัตรระยะยาวของรัฐบาล ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวถือเป็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายครั้งสำคัญ จากเดิมที่คณะกรรมการเฟดวางแผนที่จะใช้ยุทธศาสตร์ถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบค่อยเป็นค่อยไป หลังจากที่เคยนำมาตรการดังกล่าวมาใช้เมื่อครั้งที่สหรัฐเพิ่งเผชิญวิกฤติการเงินครั้งใหญ่

ในปี 2552 จนถึงต้นปี 2553 เฟดได้เข้าซื้อตราสาร MBS ไปแล้วทั้งสิ้น 1.25 ล้านล้านดอลลาร์ อีกทั้งเข้าซื้อตราสารหนี้ที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันของแฟนนี เม และ เฟรดดี แมค มูลค่า 1.75 แสนล้านดอลลาร์ และซื้อตราสารหนี้ของรัฐบาลมูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์

การที่เฟดตัดสินใจเข้าซื้อพันธบัตรครั้งใหม่เพื่อเป้าหมายที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจในครั้งนี้ มีขึ้นหลังจากเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลงอย่างมาก โดยในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ขยายตัวเพียง 2.4% ต่อปี ซึ่งชะลอตัวลงเมื่อทียบกับจีดีพีไตรมาสแรกที่ผ่านการทบครั้งใหม่ว่าขยายตัว 3.7% และน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยายตัวในอัตรา 2.5% ต่อปี ในขณะที่ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคชะลอตัว และยอดขาดดุลการค้าพุ่งสูงขึ้น

นอกจากนี้ ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (nonfarm payroll) เดือนก.ค.ของสหรัฐ ร่วงลง 131,000 อัตรา ขณะที่อัตราว่างงานเดือนก.ค.ยืนอยู่ที่ระดับ 9.5% ซึ่งเป็นหลักฐานล่าสุดที่บ่งชี้ว่าตลาดแรงงานอยู่ในภาวะซบเซา สำนักข่าวซินหัวรายงาน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ