ส.ประกันชีวิตไทยเผยเบี้ยประกันชีวิตรับรวม Q2/53 โต 15% ได้ตามเป้าปี 53

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday August 11, 2010 10:12 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางบุษรา อึ๊งภากรณ์ ผู้อำนวยการสมาคมประกันชีวิตไทย เปิดเผยว่า สิ้นไตรมาสสองของปี 2553 (มกราคม — มิถุนายน) ธุรกิจประกันชีวิตไทยมีอัตราการเติบโตร้อยละ 15 ซึ่งเป็นไปตามที่สมาคมได้กำหนดเป้าหมายอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันชีวิตรับรวมในปี 53 ไว้ที่ร้อยละ 15-20

ในช่วงไตรมาส 2/53 เบี้ยประกันภัยรับรวม (Total Premium) ซึ่งหมายถึงเบี้ยประกันภัยรับรายใหม่ (New Business Premium) รวมกับเบี้ยประกันภัยรับปีต่อไป (Renewal Premium) มีทั้งสิ้น 137,594.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนในระยะเวลาเดียวกันจำนวน 17,731.4 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 15 เป็นเบี้ยประกันภัยรับปีแรก(First Year Premium) 28,957.9 ล้านบาท อัตราการเติบโตร้อยละ 6 เบี้ยประกันภัยรับจ่ายครั้งเดียว (Single Premium) 13,384.6 ล้านบาท อัตราการเติบโตร้อยละ 10 และเบี้ยประกันภัยรับปีต่อไป (Renewal Premium) 95,251.7 ล้านบาท อัตราการเติบโตร้อยละ 18 หรือคิดเป็นอัตราความคงอยู่ร้อยละ 88

บริษัทประกันชีวิตที่มีเบี้ยประกันภัยรับรวมสูงสุด 5 อันดับแรก คือ อันดับที่ 1 บริษัท อเมริกันอินเตอร์เนชั่นแนลแอสชัวร์รันส์ จำกัด จำนวน 42,062.3 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 30.6 อันดับที่ 2 บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด จำนวน 16,252.5 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 11.8 อันดับที่ 3 บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด จำนวน 14,964.8 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 10.9 อันดับที่ 4 บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) จำนวน 12,516.4 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 9.1 และ อันดับที่ 5 บริษัท ไทยพาณิชย์นิวยอร์คไลฟ์ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) จำนวน 12,255.9 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 8.9

ผู้อำนวยการสมาคมประกันชีวิตไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า ถึงแม้ว่าในช่วงต้นปีระหว่างเดือนมีนาคม-เมษายน 2553 ธุรกิจประกันชีวิตไทยจะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองก็ตาม ซึ่งบางบริษัทต้องปิดที่ทำการ ติดต่อกันถึง 11 วัน แต่ก็ยังสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ในเรื่องนี้หากจะให้ธุรกิจประกันชีวิตเติบโตสูงยิ่งขึ้นจะต้องได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ

โดยการพิจารณาแก้ไขประมวลรัษฎากรมาตรา 65 ตรี (1) ก ให้บริษัทสามารถคำนวณเงินสำรองประกันภัยโดยใช้หลักเกณฑ์เดียวกันกับที่สำนักงาน คปภ. กำหนด ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ที่จะสามารถได้จำนวนเงินสำรองประกันภัยใกล้เคียงความจริงมากที่สุด เพราะเป็นการคำนวณโดยใช้หลักทางวิชาการคณิตศาสตร์ประกันภัย ซึ่งจะทำให้บริษัทประกันชีวิต สามารถออกกรมธรรม์ประกันชีวิตแบบบำนาญเลี้ยงชีพ (Annuity) แบบต่างๆ ออกมาบริการประชาชนได้

อีกประการหนึ่งเพื่อเป็นการจูงใจให้ประชาชนสนใจทำประกันชีวิตแบบบำนาญเลี้ยงชีพมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยลดภาระเกี่ยวกับสังคมผู้สูงอายุของไทยในอนาคต รัฐควรอนุญาตให้สามารถนำเบี้ยประกันชีวิตไปหักลดหย่อนภาษีฯ ได้อีกไม่เกินปีละ 100,000 บาทนอกเหนือจากค่าลดหย่อนเบี้ยประกันชีวิตโดยปกติที่กำหนดไว้ 100,000 บาท รวมเป็นไม่เกิน 200,000 บาท ซึ่งการดำเนินการของรัฐดังกล่าว ถ้าสามารถอนุญาตได้ภายในสิ้นเดือนตุลาคม 2553 แล้ว คาดว่าธุรกิจประกันชีวิตในปี 2553 จะสามารถเติบโตได้ถึงร้อยละ 20 และหากอนุญาตล่าช้าหลังเดือนตุลาคม 2553 จะทำให้ธุรกิจไม่สามารถประชาสัมพันธ์ชักชวนประชาชนให้ทำประกันชีวิตแล้วนำเบี้ยประกันชีวิตมาหักลดหย่อนภาษีฯ ได้ทันภายในปี 2554


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ