นายสาธิต รังคสิริ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) เปิดเผยว่า ผลการจัดเก็บรายได้สุทธิรัฐบาลในเดือนก.ค.53 สูงกว่าประมาณการอย่างต่อเนื่อง โดยจัดเก็บได้ 1.2 แสนล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายราว 32,000 ล้านบาท ส่งผลให้ในช่วง 10 เดือนแรกของปีงบประมาณ 53(ต.ค.52-ก.ค.53) รัฐบาลสามารถจัดเก็บรายได้สุทธิสูงกว่าเป้าหมาย 2.8 แสนล้านบาท หรือร้อยละ 25.7
โดยในเดือน ก.ค.53 รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 117,790 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 31,989 ล้านบาท หรือร้อยละ 37.3 โดยภาษีการบริโภคและการนำเข้ายังคงจัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการในอัตราที่สูงอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ภาษีที่จัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการที่สำคัญ ได้แก่ ภาษีมูลค่าเพิ่ม, ภาษีเงินได้นิติบุคคล, ภาษีรถยนต์, ภาษีน้ำมัน และอากรขาเข้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาษีรถยนต์จัดเก็บได้ถึง 7,903 ล้านบาท ซึ่งเป็นการจัดเก็บได้เกินกว่า 7,000 ล้านบาท ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของประชาชนต่อภาวะเศรษฐกิจประเทศ
ทั้งนี้ในช่วง 10 เดือนแรกของปีงบประมาณ 53 รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 1,356,732 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 277,040 ล้านบาท หรือร้อยละ 25.7 โดยการจัดเก็บภาษีของ 3 กรมในสังกัดกระทรวงการคลังนั้น พบว่าทั้ง 3 กรมสามารถจัดเก็บรายได้สูงกว่าเป้าหมาย
โดยกรมสรรพากร จัดเก็บรายได้สูงกว่าเป้าหมาย 104,821 ล้านบาท คิดเป็น ร้อยละ 12.2 ภาษีที่จัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการที่สำคัญ ได้แก่ ภาษีมูลค่าเพิ่ม(VAT) จัดเก็บได้ 415,715 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 79,938 ล้านบาท หรือร้อยละ 23.8 เป็นผลจากการบริโภคและการนำเข้าที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง, ภาษีเงินได้นิติบุคคลจัดเก็บได้ 283,376 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 22,540 ล้านบาท หรือร้อยละ 8.6 เป็นผลจากเศรษฐกิจฟื้นตัวตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีงบประมาณ 2552 ทำให้ผลประกอบการของบริษัทในช่วงดังกล่าวปรับตัวดีขึ้น
ส่วนกรมสรรพสามิต จัดเก็บได้สูงกว่าเป้าหมาย 96,999 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 39.8 เป็นผลจากการขยายตัวของเศรษฐกิจ และการปรับเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมัน, สุรา, เบียร์ และยาสูบเมื่อเดือนพ.ค.52 ส่งผลให้จัดเก็บภาษีน้ำมัน, ภาษียาสูบ, ภาษีเบียร์ และสุราสูงกว่าประมาณการที่ตั้งไว้ ขณะที่กรมศุลกากร จัดเก็บได้สูงกว่าเป้าหมาย 19,864 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 32.4 เนื่องจากอากรขาเข้าจัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการ 18,526 ล้านบาท หรือร้อยละ 31.2 เป็นผลจากมูลค่าการนำเข้าที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
รัฐวิสาหกิจนำส่งรายได้ 73,180 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 748 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 1.0 เนื่องจาก บมจ.ทีโอที, การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค นำส่งรายได้ต่ำกว่าเป้าหมาย แต่อย่างไรก็ดี การนำส่งรายได้และการจ่ายเงินปันผลของธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ กองทุนรวมวายุภักษ์ และการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยสูงกว่าเป้าหมาย
ขณะที่หน่วยงานอื่น จัดเก็บได้รวม 130,631 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 65,557 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 100.7 เนื่องจากกระทรวงการคลังได้รับโอนเงินจากการยึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จำนวน 49,016 ล้านบาท และได้รับการส่งคืนเงินประเดิม และเงินชดเชย และดอกผลของเงินดังกล่าวจากกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ(กบข.) 8,135 ล้านบาท ประกอบกับตั้งแต่ต้นปีงบประมาณได้รับเงินจากการไถ่ถอนหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่ครบกำหนดของกระทรวงการคลังอีกจำนวน 5,191 ล้านบาท
"จากผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลในช่วงที่ผ่านมาที่สูงกว่าเป้าหมายจำนวนมาก ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทำให้กระทรวงการคลังมั่นใจว่า การจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลในปีงบประมาณ 2553 จะสูงกว่าประมาณการไม่ต่ำกว่าสามแสนล้านบาทอย่างแน่นอน" นายสาธิต กล่าว
นายสาธิต ยังกล่าวด้วยว่า สำหรับการคืนภาษีของกรมสรรพากร 178,709 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 170 ล้านบาท หรือร้อยละ 0.1 ประกอบด้วยการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม 131,780 ล้านบาท และการคืนภาษีอื่นๆ 46,929 ล้านบาท โดยการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มต่ำกว่าประมาณการ 10,220 ล้านบาท ในขณะที่การคืนภาษีอื่นๆ สูงกว่าประมาณการ 10,050 ล้านบาท
ส่วนการจัดสรรภาษีมูลค่าเพิ่มให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) ตาม พ.ร.บ.กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจฯ โดยตั้งแต่ต้นปีงบประมาณได้มีการจัดสรรภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่ อปท.แล้ว 3 งวด รวมทั้งสิ้น 32,301 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 8,101 ล้านบาท(ร้อยละ 33.5) และสูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 7,681 ล้านบาท(ร้อยละ 31.2)