กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนก.ค.ปรับตัวขึ้น หลังจากที่ลดลงสองเดือนติดต่อกัน โดยตัวเลขค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.4% จากเดือนมิ.ย. และเพิ่มขึ้น 5.5% จากเดือนก.ค.ปีที่แล้ว เนื่องจากความต้องการรถยนต์และน้ำมันที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ยอดค้าปลีกเดือนก.ค.ยังเพิ่มน้อยกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ 0.5%
รายงานระบุว่า ปัจจัยที่ส่งผลให้ยอดค้าปลีกเดือนที่แล้วดีดตัวขึ้นนั้น มาจากยอดขายยานยนต์ที่ปรับตัวขึ้น 1.6% ซึ่งมากสุดนับตั้งแต่ที่เคยทะยานขึ้นถึง 6.6% ในเดือนมี.ค. และยอดขายที่สถานีบริการน้ำมันเพิ่มขึ้น 2.3% ในเดือนก.ค. ซึ่งมากสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. โดยถ้าไม่รวมยอดขายรถและน้ำมัน ยอดค้าปลีกเดือนก.ค.จะขยับลง 0.1% ในเดือนก.ค.
ทั้งนี้ ยอดค้าปลีกที่ซบเซาสะท้อนให้เห็นถึงการใช้จ่ายผู้บริโภคที่อ่อนแอ และอาจส่งผลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ เนื่องจากการใช้จ่ายผู้บริโภคคิดเป็นประมาณ 70% ของเศรษฐกิจทั้งหมด