นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า การปรับปรุงบริการรถเมล์ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.) เป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องดำเนินการ เพียงแต่ขณะนี้ขอให้รัฐบาลได้มีความมั่นใจก่อนว่าโครงการดังกล่าวจะมีความเป็นไปได้จริงในทางเศรษฐกิจก่อนที่จะตัดสินใจอนุมัติโครงการนี้
ดังนั้นในระหว่างนี้ คณะรัฐมนตรีจึงได้มอบหมายให้นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ไปจัดตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษารายละเอียดของประเด็นปัญหาที่ยังมีอยู่ในโครงการดังกล่าวอีก 3 แนวทาง คือ 1.กรณีการนำระบบตั๋วอิเล็กทรอนิกส์มาใช้เพื่อต้องการลดค่าใช้จ่ายของ ขสมก. อันจะนำมาซึ่งการลดพนักงานด้วยนั้น ปัญหาในขณะนี้คือ จำนวนพนักงานที่จะเข้าสู่โครงการเกษียณอายุก่อนกำหนดยังไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ดังนั้นจึงจำเป็นต้องกลับไปทำตัวเลขให้ชัดเจนว่าผลกระทบของการที่จำนวนพนักงานที่เข้าโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนดยังไม่เป็นไปตามเป้านั้นจะกระทบกับความเป็นไปได้ของโครงการเช่ารถเมล์ NGV อย่างไร
2.จากในปัจจุบันที่มีโครงการบริการรถเมล์ฟรี 800 คันซึ่งจะหมดอายุโครงการในสิ้นปี 53 นั้น ต้องพิจารณาว่าจะทำโครงการนี้ต่อหรือไม่ เพราะการมีโครงการนี้ต่อไปอาจจะกระทบต่อเป้าหมายจำนวนผู้โดยสารของโครงการรถเมล์ NGV ซึ่งจะรวมไปถึงความเป็นไปได้และเป้าหมายที่ต้องการลดการขาดทุนของ ขสมก.ที่จะนำโครงการรถเมล์ NGV ออกมาให้บริการ
3.การจะปรับระบบและเส้นทางการเดินรถใหม่นั้น จะมีผลต่อการเดินรถของบริษัทเอกชนที่เข้ามารับสัมปทานเดินรถในเส้นทางต่างๆ ของขสมก.หรือไม่
"รัฐบาลมองเห็นว่าข้อเสนอการปรับ ขสมก.จะต้องได้รับการพิจารณา โดยเฉพาะความจำเป็นที่จะต้องลดการขาดทุน และต้องการปรับปรุงบริการรถเมล์ให้ดีขึ้น แต่ก่อนที่รัฐบาลจะอนุมัติโครงการนี้จะให้ความมั่นใจก่อนว่าเป็นโครงการที่มีความเป็นไปได้ในทางเศรษฐกิจ...รัฐบาลจะพิจารณาเรื่องนี้โดยยึดประโยชน์ของส่วนรวมเป็นที่ตั้ง เราเข้าใจดีว่า ขสมก.ควรต้องมีการปรับปรุงบริการ แต่เราต้องมั่นใจว่าสิ่งที่เราจะเดินหน้าไปนั้นจะเป็นการปรับปรุงได้อย่างแท้จริง คุ้มค่า ที่สำคัญต้องโปร่งใส" นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการเชื่อมั่นประเทศไทย กับนายกฯ อภิสิทธิ์ เช้านี้