นายอู๋ หยงติ่ง คณะกรรมการที่ปรึกษาด้านนโยบายต่างประเทศของธนาคารกลางจีน กล่าวว่า จีนกำลังให้ความสนใจลงทุนในหลักทรัพย์ของยุโรปและญี่ปุ่นมากกว่าสหรัฐ โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ จีนได้เข้าซื้อพันธบัตรญี่ปุ่นมูลค่ากว่า 1.73 ล้านล้านเยน หรือ 2.0 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นสถิติที่เข้าซื้อมากที่สุดในรอบ 5 ปี นอกจากนี้ จีนยังเข้าซื้อพันธบัตรสกุลเงินยูโรจำนวนมากด้วย
นายอู๋ยืนยันว่า จีนซึ่งมีเม็ดเงินในระบบทุนสำรองเงินตราต่างประเทศสูงถึง 2.45 ล้านล้านดอลลาร์ กำลังนำเงินในระบบทุนสำรองออกมากกระจายความเสี่ยง และหลักทรัพย์ที่จีนให้ความสนใจมากที่สุดในเวลานี้คือหลักทรัพย์ของยุโรปและญี่ปุ่น เนื่องจากจีนยังคงมีความเชื่อมั่นในสกุลเงินและสถานะทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นและยุโรป
รายงานระบุว่า ในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา จีนได้เข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นทั้งสิ้น 4.564 แสนล้านเยน หรือ 5.3 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งนับเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกันที่จีนเข้าถือครองพันธบัตรญี่ปุ่นมากกว่าเทขาย โดยจีนตัดสินใจเพิ่มสัดส่วนการถือครองพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นเพราะเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์การนำเม็ดเงินในระบบทุนสำรองเงินตราต่างประเทศที่จีนมีอยู่เป็นจำนวนมากนั้น ออกมากระจายความเสี่ยง ขณะที่เจ้าหน้าที่สำนักปริวรรตเงินตราแห่งรัฐของจีน (SAFE) กล่าวว่า หลักการสำคัญของการนำเงินในระบบทุนสำรองออกมาใช้คือการคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก