นายเคสุเกะ ทสึมุระ เลขาธิการสำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นกล่าวกับผู้สื่อข่าวในวันนี้ (16 ส.ค.) ว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นอาจเริ่มเข้าสู่ภาวะชะลอตัว เมื่อพิจารณาจากตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 2 ที่ขยายตัวเพียง 0.4%
ด้านนายซาโตชิ เอราอิ รมว.เศรษฐกิจและนโยบายการคลังกล่าวว่า แม้ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2 สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นยังคงดีดตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่เศรษฐกิจก็มีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะขาลง อันเนื่องมาจากผลกระทบในด้านต่างๆ รวมถึงภาวะซบเซาของเศรษฐกิจและตลาดการเงินของสหรัฐและยุโรป
"ข้อมูลล่าสุดสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นยังคงกระเตื้องขึ้นในไตรมาส 2 และคงไม่ถูกต้องนักหากจะระบุว่าเศรษฐกิจถดถอยลง และทางรัฐบาลเองที่จะเป็นผู้ตัดสินใจว่าจำเป็นต้องใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมหรือไม่ หลังจากทบทวนตัวเลขจีดีพีในไตรมาส 2 แล้ว ซึ่งผลการทบทวนจะเปิดเผยให้ทราบในเดือนก.ย." นายเอราอิกล่าว
นอกจากนี้ นายเอราอิกล่าวว่า รัฐบาลและธนาคารกลางญี่ปุ่นจำเป็นต้องทำงานร่วมกันเพื่อควบคุมการแข็งค่าของเงินเยน หลังจากนายกรัฐมนตรีนาโอโตะ คัง และนายมาซาอากิ ชิรากาว่า ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น และเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการแข็งค่าของเงินเยนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากเงินเยนพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 15 ปีเมื่อเทียบกับดอลลาร์
ทั้งนี้ นายเอราอิกล่าวว่า รัฐบาลญี่ปุ่นจะจับตาดูอย่างใกล้ชิดว่า เงินเยนที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ จะเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศหรือไม่
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า การแสดงความคิดเห็นของนายทสึมุระและนายเอราอิมีขึ้นหลังจากสำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 2 ปีนี้ ขยายตัว 0.4% ต่อปี ซึ่งแม้ว่าทำสถิติขยายตัวติดต่อกัน 3 ไตรมาส แต่ยังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยายตัว 2.3% ต่อปี และ 0.6% ต่อไตรมาส
ข้อมูลของสำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นระบุว่า ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคในไตรมาส 2 ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 60 ของตัวเลขจีดีพี ทรงตัวจากไตรมาสแรก ส่วนตัวเลขการใช้จ่ายด้านทุนขยับขึ้นเพียง 0.5% และตัวเลขการลงทุนภาคสาธารณะหดตัวลง 3.4%