ญี่ปุ่นสูญเสียอันดับประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกให้กับจีน หลังจากผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 2 ของญี่ปุ่นขยายตัว 0.4% ต่อปี หรือขยายตัว 0.1% ต่อไตรมาส ถึงแม้ว่าจะทำสถิติขยายตัวติดต่อกัน 3 ไตรมาส แต่ตัวเลขจีดีพีก็ยังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า จะขยายตัว 2.3% ต่อปี และ 0.6% ต่อไตรมาส ซึ่งเป็นผลมาจากดีมานด์ทั่วโลกชะลอตัวลงและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลญี่ปุ่นเริ่มเห็นผลน้อยลง
ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2 ของญี่ปุ่นสะท้อนให้เห็นว่า ญี่ปุ่นตกเป็นรองจีนที่กำลังเร่งปรับเปลี่ยนนโยบายหลายด้าน รวมถึงนโยบายทางทหาร การเงิน และอุตสาหกรรมรถยนต์ โดยขณะนี้จีนได้ก้าวขึ้นเป็นประเทศส่งออก ผู้ซื้อรถยนต์ และผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่สุดของโลก และกำลังขยายอิทธิพลในทั่วโลกในขณะนี้ด้วย
นอกจากนี้ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2 ของญี่ปุ่นยังทำให้จีนมีโอกาสสูงมากที่จะติดทำเนียบประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจใหญ่กว่าญี่ปุ่นในปีนี้ เนื่องจากอัตราการขยายตัวของทั้งสองประเทศแตกต่างกันมาก โดยเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มขยายตัวในอัตรา 10% ต่อปี ในขณะที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นมีแนวโน้มขยายตัวเพียง 3% ในปีนี้ ขณะที่มูลค่าทางเศรษฐกิจของจีนในไตรมาส 2 สูงถึง 1.335 ล้านล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2 เทียบกับญี่ปุ่นที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจเพียง 1.286 ล้านล้านดอลลาร์
นับตั้งแต่ปี 2511 เป็นต้นมา ญี่ปุ่นครองตำแหน่งประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากสหรัฐ โดยญี่ปุ่นสามารถแซงหน้าเยอรมนีตะวันตกได้ในช่วงเวลาดังกล่าว และนับตั้งแต่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา ญี่ปุ่นก้าวขึ้นเป็นประเทศมหาอำนาจด้านอุตสาหกรรมและการเงินระดับโลก แต่เศรษฐกิจญี่ปุ่นก็ต้องถูกกระทบอย่างหนักจากภาวะฟองสบู่ด้านอสังหาริมทรัพย์ในช่วงทศวรรษที่ 1980 ก่อนที่จะเผชิญวิกฤตการณ์อย่างหนักในปี 2534
ในทางตรงกันข้าม เศรษฐกิจจีนขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง อันเนื่องมาจากดีมานด์ที่เพิ่มขึ้นหลากหลายด้าน รวมถึงดีมานด์ทรัพยากร เครื่องจักร และผลิตภัณฑ์อื่นๆ จนเป็นแรงผลักดันให้จีนก้าวขึ้นเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่สุดของญี่ปุ่น และกลายเป็นเสาหลักที่ช่วยค้ำจุนเศรษฐกิจญี่ปุ่นให้ฟื้นตัวขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย
ถึงกระนั้นก็ตาม ประชาชนชาวญี่ปุ่นยังคงติดกลุ่มประชากรที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ด้วยรายได้ต่อหัว 37,800 ดอลลาร์ในปีที่แล้ว เทียบกับชาวจีนที่มีรายได้ต่อหัวเพียง 3,600 ดอลลาร์ ขณะที่ชาวอเมริกันยังคงขึ้นแท่นประชากรที่ร่ำรวยที่สุดในโลกด้วยค่าแรงต่อหัวที่สูงถึง 42,240 ดอลลาร์ และเศรษฐกิจสหรัฐก็ยังคงมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกเช่นกัน