นายคิม ชุง ซู ผู้ว่าการธนาคารกลางเกาหลีใต้ระบุ สถานการณ์ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลกอาจจุดชนวนให้เกิดความวุ่นวายในตลาดเงินทั่วโลก รวมถึงส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการดำเนินธุรกิจ
โดยนายคิมกล่าวว่า ตลาดอาจเผชิญความผันผวนในอนาคต ขณะที่บรรยากาศการดำเนินธุรกิจในกลุ่มประเทศยักษ์ใหญ่หลายแห่งอาจเผชิญภาวะระส่ำระสายมากขึ้น ท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจอันมีต้นเหตุมาจากภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจในสหรัฐและจีน รวมถึงวิกฤตหนี้สาธารณะในกลุ่มประเทศทางตอนใต้ของยุโรป
สำหรับเกาหลีใต้นั้น ธนาคารกลางเกาหลีใต้เพิ่งเผชิญความท้าทายด้านการกำหนดนโยบายดอกเบี้ยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งล่าสุดได้ตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 2.25% หลังจากที่การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจกำลังเพิ่มแรงกดดันต่อราคาสินค้า แต่ในขณะเดียวกัน สัญญาณการขยายตัวทางเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอได้บั่นทอนแนวโน้มการส่งออกของเกาหลีใต้ ซึ่งนายคิมยอมรับว่าอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันยังไม่สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจที่แท้จริง เนื่องจากแนวโน้มเงินเฟ้ออาจพุ่งสูงขึ้นอีก
เศรษฐกิจไตรมาส 2 ของเกาหลีใต้ขยายตัวในระดับ 7.2% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยายตัวที่ 6.9% ขณะที่นายคิมคาดว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของเกาหลีใต้จะขยายตัวที่ประมาณ 0.8% ในไตรมาส 3 และ 4 หลังจากที่ในไตรมาส 1 และ 2 จีดีพีเกาหลีใต้ขยายตัวที่ 2.1% และ 1.5% ตามลำดับ
นอกจากนี้ แรงกดดันด้านราคาสินค้ามีแนวโน้มทวีความรุนแรงมากขึ้นท่ามกลางภาวะดีมานด์อ่อนแอและค่าธรรมเนียมภาษีที่แพงขึ้น ซึ่งผู้ว่าการธนาคารกลางเกาหลีใต้คาดว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคอาจพุ่งขึ้นสูงกว่าที่ธนาคารตั้งเป้าไว้ในช่วงไตรมาสสี่เป็นต้นไป
ทั้งนี้ ดัชนีผู้บริโภคของเกาหลีใต้ในเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 2.6% จากปีก่อนหน้านี้ แต่ยังอยู่ในกรอบที่ธนาคารตั้งเป้าไว้ในอัตราเฉลี่ยที่ 2-4% ไปจนถึงปี 2555 ขณะเดียวกัน นายคิมย้ำว่า ธนาคารกลางเกาหลีใต้จะยังคงเดินหน้าดูแลด้านเสถียรภาพของราคาและรักษาระดับการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องภายใต้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย รวมถึงพิจารณาเรื่องผลกระทบของอัตราดอกเบี้ยที่พุ่งสูงขึ้นซึ่งอาจส่งผลต่อภาคครัวเรือน รวมทั้งผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมภายในประเทศ