สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษรายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นดัชนีหลักที่ใช้วัดภาวะเงินเฟ้อ ปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน มาอยู่ที่ 3.1% ในเดือนกรกฎาคม จากระดับ 3.2% ในเดือนมิถุนายน แต่ยังสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อเป้าหมายที่ระดับ 2% ของธนาคารกลางอังกฤษ
สำหรับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core Inflation) ที่ไม่รวมราคาอาหาร บุหรี่ แอลกอฮอล์ และพลังงาน ร่วงลงมาอยู่ที่ 2.6% จากระดับ 3.1% ในเดือนมิ.ย.
ขณะที่ดัชนีราคาผู้ค้าปลีก (RPI) ซึ่งเป็นดัชนีที่ใช้ชี้วัดเงินเฟ้ออีกทางหนึ่งโดยรวมต้นทุนเกี่ยวกับบ้าน ปรับตัวลงแตะ 4.8% ในเดือนก.ค. จากระดับ 5% ในเดือนมิ.ย.
โดย CPI เป็นดัชนีหลักที่ธนาคารกลางอังกฤษใช้ในการกำหนดอัตราดอกเบี้ย ส่วน RPI เป็นดัชนีที่ใช้ในการเจรจาเรื่องค่าจ้าง
สำนักงานสถิติฯระบุว่า ราคาเสื้อผ้าและรองเท้าซึ่งร่วงลง 4.9% รวมถึงค่าขนส่งที่ลดลง ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาผู้บริโภคชะลอตัว อย่างไรก็ตาม อัตราเงินเฟ้อยังถือว่าอยู่ในระดับสูง เพราะค่าอาหารที่แพงกว่าเมื่อปีที่แล้ว
ทั้งนี้ กฎหมายของอังกฤษกำหนดให้ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษต้องเขียนหนังสือชี้แจงถึงรมว.คลังทุกๆ 3 เดือน ถ้าอัตราเงินเฟ้ออยู่เหนือระดับเป้าหมาย ซึ่งที่ผ่านมาในปีนี้ เมอร์วิน คิง ผู้ว่าการแบงก์ชาติ ได้เขียนหนังสือชี้แจงถึงรมว.คลังมาแล้วเมื่อเดือนก.ค. และ พ.ค. โดยคิงจะส่งหนังสือถึงนายจอร์จ ออสบอร์น รมว.คลังในวันนี้